วันที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลา 10.20 น. ปภ.รายงานผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง รวม 29 จังหวัด 163 อำเภอ 980 ตำบล 6,310 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 326,811 ครัวเรือน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกบางจังหวัดมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปภ. ได้ ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและระดมกำลังเร่งระบายน้ำอย่างเต็มกำลัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย รวมถึงพายุโนรู ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 14 ต.ค. 65 เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 56 จังหวัด 297 อำเภอ 1,476 ตำบล 9,165 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 394,338 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ รวม 28 จังหวัด ได้แก่ ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี นครปฐม นครนายก สระบุรี และปราจีนบุรี รวม 160 อำเภอ 969 ตำบล 6,242 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 324,256 ครัวเรือน ดังนี้|
1. ตาก น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา อำเภอบ้านตาก และอำเภอเมืองตาก รวม 5 ตำบล 35 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 461 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2. เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีเทพ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และอำเภอหนองไผ่ รวม 35 ตำบล 213หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 35 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำลดลง
3. พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอวชิรบารมี อำเภอทับคล้อ อำเภอบึงนาราง อำเภอบางมูลนาก อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอโพทะเล และอำเภอโพธิ์ประทับช้าง รวม 56 ตำบล 330 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,416 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
4. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ และอำเภอตาคลี รวม 18 ตำบล 140 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,695 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
5. ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอจัตุรัส รวม 10 ตำบล 24 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 648 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอบ้านไผ่ และอำเภอแวงใหญ่ รวม 13 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
7. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 45 ตำบล 523 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,020 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
8. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลาไสย อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอยางตลาด รวม 24 ตำบล 187 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,982 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
9. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทราย และอำเภอจังหาร รวม 6 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,369 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
10. ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอค้อวัง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอเมืองยโสธร อำเภอป่าติ้ว และอำเภอมหาชนะชัย รวม 27 ตำบล 156 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
11. นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสูงเนิน และอำเภอชุมพวง รวม 11 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,195 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
12. บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุทไธสง อำเภอสตึก อำเภอคูเมือง อำเภอนางรอง อำเภอกระสัง อำเภอแคนดง และอำเภอลำปลายมาศ รวม 54 ตำบล 343 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,697 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
13. สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี อำเภอสำโรงทาบ อำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอจอมพระ รวม 25 ตำบล 94 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,610 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
14. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอราษีไศล อำเภอกันทรารมย์ อำเภอบึงบูรพ์อำเภอยางชุมน้อย และอำภอศิลาลาด รวม 33 ตำบล 240 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,284 ครัวเรือน อพยพประชาชน 830 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
15. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอเดชอุดม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอเขื่องใน อำเภอตระการพืชผล และอำเภอตาลสุม รวม 38 ตำบล 247 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,828 ครัวเรือน อพยพประชาชน 246 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 116 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
16. หนองบัวลำภู น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสัง อำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอสุวรรณคูหา และอำเภอนาวัง รวม 34 ตำบล 423 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 264 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
17. อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี อำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอทัพทัน อำเภอห้วยคต อำเภอบ้านไร่ อำเภอหนองขาหย่าง อำเภอลานสัก และอำเภอหนองฉาง รวม 67 ตำบล 507 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,402 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
18. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอ หนองมะโมง อำเภอหันคา อำเภอเนินมะขาม และอำเภอสรรคบุรี รวม 35 ตำบล 207 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,860 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
19. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี และอำเภอท่าช้าง รวม 12 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,033 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
20. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง และอำเภอโพธิ์ทอง รวม 38 ตำบล 172 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,430 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น อำเภอบางปะหัน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช อำเภออุทัย อำเภอวังน้อย อำเภอภาชี และอำเภอบ้านแพรก รวม 156 ตำบล 992 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 67,580 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
22. ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,584 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
23. นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย และอำเภอบางบัวทอง รวม 35 ตำบล 268 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110,562 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
24. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอชัยบาดาล อำเภอบ้านหมี่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอโคกสำโรง รวม 28 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได
รับผลกระทบ 5,157 ครัวเรือน อพยพประชาชน 252 คน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 2 จุด ระดับน้ำทรงตัว
25. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนครชัยศรี อำเภอบางเลน อำเภอสามพราน อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล รวม 37 ตำบล 224 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,976 หมู่บ้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
26. นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา และอำเภอองครักษ์ รวม 22 ตำบล 162 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,888 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
27. สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังม่วง อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองแค อำเภอหนองโดน อำเภอแก่งคอย อำเภอบ้านหม้อ อำเภอเสาไห้ และอำเภอดอนพุด รวม 43 ตำบล 156 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,183 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
28. ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอบ้านสร้าง และอำเภอศรีมโหสถ รวม 41 ตำบล 276 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,965 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลกระทบจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในวันที่ 9 ต.ค. 65 ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย 9 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี และตรัง รวม 21 อำเภอ 55 ตำบล 155 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,752 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 1 จังหวัด รวม 3 อำเภอ 11 ตำบล 68 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,555 ครัวเรือน ดังนี้
29. ฉะเชิงเทรา เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอบ้านโพธิ์ และอำเภอบางน้ำเปรี้ยว รวม 11 ตำบล 68 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,555 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี