ประมงกาญจนบุรีสำรวจความเสียหายหลังพายุโนรูถล่มห้วง 11-12 ต.ค.65 ทำปลาในกระชังน็อกน้ำตายเกลื่อนเสียหายร่วม 50 ล้านบาทพร้อมเยียวยาผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาต ตรม.ละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตรม.แต่ต้องรอจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินก่อน
วันที่ 19 ต.ค.65 นายวรรณนัฑ หิรัญชุฬหะ หัวหน้าสำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวผู้เลี้ยงปลากระชังเมืองกาญจน์น้ำตาตกเกือบหมดตัว ปลาตายเกลื่อนสูญเงินกว่า 50 ล้านบาท เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำแควน้อย ต.เกาะสำโรง และตำบลใกล้เคียง จังหวัดกาญจนบุรีกว่า 150 รายซึ่งมีจำนวนกระชังกว่า 10,000 กระชังกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโนรู เมื่อวันที่ 11 ต.ค.65 ส่งผลให้มีฝนตกหนัก ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลเชี่ยวอย่างมาก ทั้งมีสีแดงขุ่น จนปลาปรับตัวไม่ทัน ปลาไม่มีอากาศหายใจจึงเกิดอาการน็อกและลอยตายเกลื่อนกระชัง ขาดทุนยับเยิน เบื้องต้นทำให้ผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำแควน้อยกว่า 150 ราย ต้องสูญเงินรวมกันเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ในเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ทางเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังจึงขอวอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายนั้น
นายวรรณนัฑ หิรัญชุฬหะ ประมงจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงคือสำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรีได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ตนจึงพร้อมด้วยนางสาวธิดาวรรณ โพธิ์เพ็ชร หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง นายเติมศักดิ์ คงสำราญ รักษาการหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอาชีพประมง และนายอภิศักดิ์ สงวนธรรม นักวิชาการประมง เดินทางลงพื้นที่เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงปลาบริเวณแม่น้ำแควน้อยพื้นที่ตำบลเกาะสำโรงและเข้าพบกับนายจตุพร ค้าชื่น กำนันตำบลเกาะสำโรง และเป็น 1 ในเกษตรกรผู้ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ด้วย
โดยนายจตุพร ได้เล่าว่า มีกระแสน้ำไหลแรง เนื่องจากฝนที่ตกหนักในวันที่ 11-12 ต.ค.65 ทำให้น้ำในแม่น้ำลำภาชีและน้ำจากทางอำเภอไทรโยค ไหลลงแม่น้ำแควน้อย กระแสน้ำที่แรง ทำให้ปลาทับทิมในกระชังโดนแรงกระแทกจากกระชัง ทำให้ปลาตายเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะพยายามถ่วงถุงทรายหรือลากกระชังเข้าตลิ่ง แต่ไม่อาจทานกระแสน้ำที่ไหลแรงได้ ปลาที่ตายมีทุกขนาด ทั้งขนาดที่พร้อมจะจับขายได้แล้ว แต่รอคิวในการจับ ทำให้เสียหายประมาณ 50 ตันมูลค่ากว่าล้านบาทและยังมีของเกษตรกรรายอื่นๆ ที่เลี้ยงในแม่น้ำแควน้อย ที่ได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนหลายราย
ผลกดำเนินการ ประมงจังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการชี้แจงหลักเกณฑ์ในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 และการรายงานสถานการณ์การเกิดภัยพิบัติ ให้อำเภอหรือจังหวัดเพื่อประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่เพื่อจะสามารถดำเนินการให้การช่วยเหลือได้ต่อไป
จากการสำรวจเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังในแม่น้ำแควน้อยพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่ได้รับความเสียหาย มีจำนวน 125 ราย จำนวน 6,856 กระชัง รวมพื้นที่ 173,608 ตารางเมตร ในพื้นที่ตำบลเกาะสำโรง ตำบลหนองหญ้า ตำบลวังเย็น และตำบลปากแพรก
"โดยจะมีการสำรวจความเสียหายและจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ด้านประมงซึ่งจะให้ความช่วยเหลือผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติสัตว์น้ำตายหรือสูญหาย สำหรับสัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชัง ตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร หรือรายละไม่เกิน 29,440 บาท" นายวรรณนัฑ หิรัญชุฬหะ หัวหน้าสำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรี เผย
(ภาพจาก สนง.ประมงกาญจนบุรี-ปลาตายวันที่ 13 ต.ค.65)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี