ประธานศาลฎีกาตรวจเยี่ยมศาลยุติธรรมภาค4 ศาลจังหวัดศาลหนองคายอุดรธานี ศาลแขวง ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน มอบนโยบายแนวทางการปรับปรุงพัฒนาศาลให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลต่างๆ รับทราบถึงการให้บริการ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาแก่ประชาชน รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลคดีบุคคลซึ่งถูกฟ้องล้มละลายกับศาลล้มละลายกลาง การพัฒนาระบบสืบค้นข้อมูลบุคคลล้มละลาย ผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS)
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ระหว่างเวลา 08.00 - 14.30 น. นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้พิพากษาสมทบ และผู้ประนีประนอม ในพื้นที่ศาลยุติธรรมภาค 4 เป็นการตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดหนองคาย ศาลจังหวัดบึงกาฬ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ ศาลแรงงานภาค 4 ศาลแขวงอุดรธานี และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี
โดยการตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดหนองคาย มีนายณัษฐพงษ์ พรหมมินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคาย และนายสุภาษิต กาฬหว้า ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดบึงกาฬ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับการตรวจเยี่ยมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย มีนายรัตนโชติ แสนภักดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย และนายมงคล สงปรางค์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครพนม ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
สำหรับการตรวจเยี่ยมศาลแรงงานภาค 4 มีนายสุรวุฒิ เชาวลิต อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 4 พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ การตรวจเยี่ยมศาลแขวงอุดรธานี มีนายภิญณชาตก์ คูหากาญจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงอุดรธานี พร้อมคณะให้การต้อนรับ การตรวจเยี่ยมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี มีนายมงโคตร เมาลี ผู้พิพากษา หัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ประธานศาลฎีกาได้มอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนคณะผู้พิพากษาสมทบ และผู้ประนีประนอม พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา และแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล
โดยประธานศาลฎีกากล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายประธานศาลฎีกาให้เป็นรูปธรรมนั้น จำเป็นที่ผู้บริหารศาลทุกระดับจะต้องทราบถึงที่มาและความสำคัญของนโยบายดังกล่าว การเดินทางมาตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำความเข้าใจและพูดคุยกับบุคลากรทุกภาคส่วน โดยเน้นย้ำว่า การที่ความสำเร็จขององค์กรศาลยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้ จำเป็นที่บุคลากรทุกภาคส่วนจะต้องมีความรัก ความผูกพันในองค์กร ตระหนักว่าตนเองเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนา อันเป็นที่มาของนโยบาย“รักศาล” ทั้งต้อง“ร่วมใจ”กันพัฒนาศาลยุติธรรมให้เจริญก้าวหน้า สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การ “รับใช้ประชาชน” อันจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นศรัทธาให้แก่ประชาชน
ในส่วนของการบริหารจัดการคดี ประธานศาลฎีกากล่าวว่า ผู้พิพากษาพึงควบคุมกระบวนพิจารณามิให้เนิ่นช้าเกินสมควร เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าก็ถือเป็นความไม่ยุติธรรมในรูปแบบหนึ่ง ทั้งพึงให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค เช่น การมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์หรือฎีกา ก็ไม่พึงขยายให้เกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีต้องเสียประโยชน์จากการที่จะบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้
นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกากล่าวถึงโครงการเชื่อมโยงข้อมูลคดีบุคคลล้มละลายของศาลล้มละลายกลางกับศาลยุติธรรมทั่วประเทศว่า ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมได้พัฒนาระบบสืบค้นข้อมูลบุคคลล้มละลาย ผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ซึ่งจะพร้อมให้ศาลทั่วประเทศใช้งานได้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2565 นี้ อันจะทำให้ศาลทั่วประเทศสามารถตรวจสอบข้อมูลบุคคลล้มละลายของจำเลยได้ก่อนที่จะมีคำสั่งรับฟ้องในคดีแพ่งต่อไป
โดยตลอดระยะเวลาการตรวจเยี่ยมศาลวันนี้ ประธานศาลฎีกาได้ทักทาย พูดคุยและรับฟังปัญหาข้อขัดข้องจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามส่วนงานต่าง ๆ รวมถึงให้กำลังใจในการปฏิบัติงาน และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประธานศาลฎีกาและคณะ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศาลในจังหวัดหนองบัวลำภู และศาลในจังหวัดเลย วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี