ลูกชายอดีตรองแพทย์ใหญ่ แจ้งความกองปราบฯ พ่อโดนปลอมใบสั่งซื้อยาอันตรายจำนวนมาก มูลค่ากว่า 100 ล้าน
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พา นายนิกม์ แสงศิรินาวิน บุตรชาย พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช แสงศิรินาวิน เจ้าของร้านขายยานพรัตน์ (ผู้เสียหาย) เข้าพบ ร.ต.อ.มณเทียร ธงเทียน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการปลอมเอกสารทางการแพทย์ โดยการปลอมลายเซ็นต์ของนายแพทย์ เพื่อนำไปซื้อยาอันตรายจำนวนมาก โดยที่นายแพทย์ไม่ทราบเรื่อง
นายนิกม์ กล่าวว่า บิดาของตนเอง เป็นอดีตตำรวจยศนายพล และเป็นแพทย์ รวมทั้งครอบครัวเปิดร้านขายยามานานกว่า 40 ปี ในช่วงเดือน มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ทาง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ได้ประสานมาว่าพบการสั่งยาอันตราย จากบริษัทยา 2 แห่งที่ผิดปกติ โดยมีการสั่งซื้อจำนวนมากล็อตละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จึงมีการตรวจสอบไปทางบริษัทยา ซึ่งเป็นคู่ค้ากับทางร้านขายยานพรัตน์ ก็พบว่า มีกลุ่มบุคคลปลอมเอกสารลายเซ็นต์ของคุณพ่อ เพื่อนำไปสั่งยาอันตรายดังกล่าว ซึ่งตามปกติหากคลีนิคจะสั่งยาต้องมีลายเซ็นต์คุณหมอเป็นผู้สั่งยา
และเมื่อตรวจสอบไปยังคลีนิคย่านนวลจันทร์ และบริษัทยาทั้ง 2 แห่ง พบว่า ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการสั่งยามาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จึงได้ขอให้ทางบริษัทระงับโค้ดการสั่งยาของคุณพ่อไว้ก่อน
พร้อมกันนี้ นายนิกม์ ยังให้ข้อมูลว่า สำหรับยาอันตรายดังกล่าว สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาเสพติด เช่น เค นมผง จึงอยากทางให้ทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบเส้นทางของยาอันตรายดังกล่าว ว่าถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาเสพติดหรือไม่ เพราะจะส่งผลอันตรายต่อสังคม
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้นำเอกสารหลักฐานเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการที่ปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน และตัวแทนของบริษัทรวม 4 คน เพื่อให้มีการขยายผลว่ายังมีใครที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้อีกหรือไม่ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รับเรื่องเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
ต่อมาเวลา 13.00 น.ภายหลังพบพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ว นายเกรียงศักดิ์ ทนายความ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่สองบริษัท และตัวเจ้าของรถแท๊กซี่ รวมทั้งตัวผู้ที่สั่งซื้อยา เราเชื่อว่ามีบางคนร่วมประทำกันเป็นกระบวนการ วันนี้ทางตำรวจกองปราบฯ รับเป็นคดี ลงประจำวันแล้วจะออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป เบื้องต้นข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใข้เอกสารปลอม ส่วนคดีอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติม มีอีกหลายข้อหา
คดีนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แต่ละคร้้งมีการนำยาอันรายไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เท่าที่เราตรวจสอบจับได้ว่ากระทำผิดมีสองบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ที่เอาไปทำเคนมผง ที่มีคนเสพเสียชีวิตก็เอายาเหล่านี้ไปผลิต ที่แปลกคือเมื่อมีคนเอาไปปุ๊บก็มีคนมารับไปเลย ปกติยาพวกนี้ต้องมีสั่งและจะนำออกนอกพื้นที่ไม่ได้ จะต้องมีการนัดวันมารับ แต่เคสนี้มารับส่งกันเลย ปกติจะต้องโทรสอบถามหมอก่อน แต่เคสนี้ไม่มีการโทร.ถามเลย มีการนำสำเนาบัตรประชาชน ใบสั่งแพทย์ ไม่ทราบว่าเอกสารทั้งหมดเอาไปได้อย่างไร ตำรวจจะสืบสวนหาต้นตอต่อไป
ด้าน นายนิกม์ บุตรชาย พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช แสงศิรินาวิน เผยว่า ครอบครัวเราแข็งแกร่ง เรื่องที่เกิดกับครอบครัวตนเรามีประสบการณ์ เป็นร้านขายยา เราคิดว่าน่าจะมีผู้เสียหายแบบคุณพ่ออีกหลายท่านที่ถูกปลอมแปลงเอกสารและแอบอ้าง เราเชื่อว่าเป็นการนำเอาไปใช้ในทางที่ผิดอย่างแน่นอน อาจจะส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง ในเรื่องแบบนี้จะต้องปฏิวัติทั้งหมดในเรื่องการสั่งยา การสั่งซื้อยา จะต้องมีมาตราการตรวจสอบที่รัดกุมมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้รั่วไกลออกไปสู่สังคมได้ ยามีข้อดีถ้าใช้ให้เป็นปีะโยชน์ แต่ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็จะเป็นภัยกลายเป็นยาเสพติดได้
ปัจจุบันคุณพ่อตน พล.ต.ท.ดร.สิทธิเดช อายุ 73 ปี ยังสุขภาพแข็งแรง ออกตรวจคนไข้ทุกวันพุธและพฤหัส ที่ รพ.ตำรวจ เคยเป็นรองแพทย์ใหญ่ที่ รพ.ตร. เกษียณแล้วไปเป็น ผอ.รพ.เดชา แต่ก็ช่วยงาน รพ.ตร.มาตลอด ปัจจุบันเป็นเจ้าของคลีนิคนวลจันทร์ รามอินทรา ที่เกิดเหตุเรื่องการสั่งซื้อยาอันตรายเหล่านี้ จนเจ้าหน้าที่ อย.ฝ่ายยาเสพติดโทร.มาสอบถามคุณพ่อถึงเรื่องการสั่งยาของทางคลีนิค จนต้องนำข้อมูลมาแจ้งความกองปราบปรามในวันนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี