คดีโกงสอบนายสิบ
จับ 30 นร. ต้องสงสัย
ทำข้อสอบเดิมใหม่
ผลปรากฏทำไม่ได้
“ผบ.ตร.”ยอมรับมีการทุจริตสอบตำรวจนายสิบ ภาค 5 คล้ายภาค 9 มีคะแนนสูงเป็นกลุ่มก้อน สั่งเร่ง พิจารณาแนวทางแก้ปัญหา เล็งสอบใหม่-เรียกตัวสำรองทดแทน อึ้งจับนักเรียนต้องสงสัย 30 คนมาสอบใหม่ปรากฎว่าทำข้อสอบไม่ได้ ด้านเหยื่อสาว แฉขั้นตอนเรียกเงิน 4.2 แสน แลกโพยคำตอบ
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ยอมรับว่ามีหลักฐานถึงการทุจริตสอบตำรวจฝ่ายอำนวยการสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5โดยพบลักษณะผู้เข้าสอบบางส่วน มีคะแนนสูงเป็นกลุ่มก้อนคล้ายการทุจริตสอบนายสิบ ที่พบในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดของการทุจริต เพื่อใช้เป็นบทเรียน ป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก รวมทั้งตัดสิทธิผู้ทุจริตสอบไม่ให้เข้ามาเป็นตำรวจได้
“ขณะนี้ทราบเบาะแสและจำนวนผู้ทุจริตแล้ว แต่ขอตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน พร้อมพิจารณาแนวทางแก้ปัญหา ว่าจะจัดสอบใหม่ หรือ เรียกตัวสำรองขึ้นมาแทนที่ มั่นใจจะสามารถดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้ทั้งเครือข่ายและผู้ทุจริตสอบ โดยเบื้องต้นพบว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการสอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด”พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวย้ำ
ด้านพล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ ขบวนการทุจริตข้อสอบในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9(ศฝร.ภ.9) ว่าสาเหตุที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะคณะกรรมการที่มีพล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 ทำหน้าที่เป็นประธานสอบ ต้องการให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุดเพื่อให้ผู้ร่วมทำความผิดดิ้นไม่หลุด รวมทั้งต้องการเชื่อมโยงไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะมากกว่าที่อยู่ในข่ายของการทำผิดที่มีอยู่
คดีนี้ เป็นคดีใหญ่ที่ต้องทำด้วยความรอบคอบ ซึ่งตั้งแต่มีการจับผู้สมัครอบคนแรกคือ นายเอ (นามสมมุติ) ในสนามสอบแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ในห้องสอบ พร้อมหลักฐานคือ กระดาษเฉลยข้อสอบ และส่งดำเนินคดีกับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ก่อนจะสอบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการทุจริต เพื่อความรอบคอบรัดกุมและได้ตัวทั้งผู้ขายข้อสอบ และซื้อข้อสอบ จึงมีการนำนักเรียน 30 คน ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยมาให้ทำข้อสอบใหม่ ที่เป็นข้อสอบเดิม ปรากฏว่า “…ทำข้อสอบไม่ได้…” และหลังจากนั้นทางกองบัญชาการตำรวจภาค 9 จึงได้ร่วมมือกับตำรวจส่วนกลาง ทำการสืบสวนสอบสวนจากเบาะแสผู้ที่จับกุมได้เป็นคนแรก จนรู้ถึงผู้ร่วมขบวนการ สถานที่นัดพบ รายชื่อการโอนเงินทางผู้เข้าสอบ เข้าบัญชีของใครบ้าง ขอให้เชื่อว่า ไม่มีการช่วยเหลือใคร และมาเป็นมวยล้มต้มคนดู แต่ที่ล่าช้า เพราะต้องการสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
รายงานข่าวจาก“ศูนย์ฝึกอบรมฯ”ที่เป็นเจ้าทุกข์ เพราะเป็นผู้เสียหายโดยตรงแจ้งว่า สาเหตุที่ พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมฯ ยังไม่สามารถเข้าแจ้งความได้ เนื่องจากมีคำสั่งจาก พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผช.ผบ.ตร.ซึ่งมีคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้เข้าควบคุมคดีนี้ ได้สั่งการให้สอบเพิ่มผู้เสียหาย และพยาน รวมทั้งหลักฐานที่เป็นเส้นทางการโอนเงิน ในกลุ่มของผู้ที่อยู่ในขบวนการทุจริตทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่านี้ รวมไปถึงโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในขบวนการนี้ด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือตามกฎหมายผู้ที่“จ่ายเงิน”คือ ผู้เข้าสอบจำนวน 118ราย ที่ถูกจำหน่ายจากสารบบการเป็นนักเรียนนายสิบแล้ว ต้องเป็นผู้ต้องหาในการทุจริตครั้งนี้ด้วย การติดตามตัวการสอบสวนสืบสวนจึงต้องใช้เวลามากขึ้น และต้องมีการกันบุคคลบางกลุ่ม เพื่อเป็นพยานบุคคลในคดีซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรื่องนี้มีการสืบสวนสอบสวนมาแล้วหลายเดือน จนกลายเป็นข่าวฉาวขึ้น ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในส่วนกลางให้ความสำคัญ และสั่งให้มีการสอบเพิ่มในหลายประเด็น และหลายคน
ส่วนการตรวจสอบด้านการเงิน พบว่ามีการโอนเงินรวมกว่า50ล้านบาท เริ่มจากเส้นทางแรก น.ส.สวย (นามสมมุติ) ข้าราชการหน่วยงานหนึ่งใน จ.ตรังโอนเข้าบัญชีของตำรวจหญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีความเกี่ยวกับเป็นน้องสาวและเส้นทางที่2คือ บัญชี น.ส.สวย โอนเข้าบัญชีของ นายเอก (นามสมมุติ) สามีของ น.ส.สวย ซึ่งเป็นติวเตอร์ จากสถาบันติวเตอร์ชื่อดังใน จ.สงขลา เชื่อมโยงไปถึง นายทัน(นามสมมุติ) สามีของตำรวจหญิง ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามหาหลักฐานการเชื่อมโยงไปยังบัญชีอื่นๆด้วย แม้ว่าทาง น.ส.สวย จะปิดบัญชีกับธนาคารไปแล้วก่อนการสอบวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา คดีนี้เจ้าหน้าที่พบว่า รายชื่อของผู้ต้องหาเป็นคนที่อยู่ในจ.สงขลา เกือบทั้งหมด สถานที่มีการจับผู้ทุจริตในการสอบ ก็อยู่ในพื้นที่ของ จ.สงขลา ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทุกครั้ง.
ขณะที่ หนึ่งในผู้เข้าสอบนายสิบตำรวจของตำรวจภูธรภาค 5 เผยมีคนชักชวนให้จ่ายเงิน 4.2 แสน แลกสลิปโพยคำตอบขณะที่เพื่อนจ่ายแล้ว 3 หมื่น แต่สอบไม่ติด เพราะไม่กล้าหยิบโพยขึ้นมาดู
หญิงสาวที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าสอบนายสิบตำรวจเล่าว่าก่อนจะมีการประกาศรับสมัครสอบเดือนมิถุนายน ได้รับการชักชวนจากผู้ปกครองของเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า มีทีมงานส่วนกลางพร้อมช่วยเหลือในการสอบ โดยต้องจ่ายเงิน 420,000 บาท เพื่อแลกกับโพยข้อสอบพร้อมคำตอบที่จะแจกให้ล่วงหน้าก่อนเข้าสอบ แต่เธอปฏิเสธเพราะต้องการใช้ความรู้ความสามารถในการสอบด้วยตัวเอง ส่วนเพื่อนของเธอ ได้ตกลงและจ่ายเงินไปแล้วประมาณ30,000 บาท ส่วนที่เหลือให้จ่ายหลังสอบติด
ต่อมา วันสอบ วันที่ 27 พฤศจิกายน เธอได้เข้าสอบที่สนามสอบมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ซึ่งพบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งการตรวจค้นที่ใช้เพียงอุปกรณ์ตรวจหาวัตถุ แต่ไม่มีการตรวจค้นตัวแต่อย่างใด เมื่อเข้าไปนั่งสอบก็พบว่ามีการจัดที่นั่งเป็นคู่ ไม่ได้แยกห่างกัน ระหว่างการสอบ ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุมภายในห้อง แต่คุมอยู่บริเวณหน้าห้อง ผู้เข้าสอบคนนี้ ยังบอกอีกว่า มาตรการคุมสอบในวันดังกล่าว หากเทียบกับการสอบทั่วไปในมหาวิทยาลัยถือว่าการคุมเข้มมีน้อยกว่า จนทำให้คิดไปได้ว่าเป็นการเปิดทางให้ทุจริตได้สะดวก
ต่อมาหลังประกาศผลสอบ ปรากฏว่า เพื่อนของเธอที่ได้จ่ายเงินไปก่อนหน้านี้สอบไม่ติด (สอบภาค 6) โดยเพื่อน เล่าว่า ก่อนเข้าสอบในช่วงเช้าได้รับโพยคำตอบมาใบหนึ่ง เป็นกระดาษที่มีขนาดประมาณสลิปใบเสร็จรับเงิน แต่เพื่อนของเธอคนนี้ตัดสินใจไม่ควักโพยออกมาดู เพราะกลัวถูกจับได้และเริ่มรู้สึกละอายใจ ซึ่งหลังจากประกาศผลสอบ เพื่อนของเธอก็ได้ส่งตัวอย่างโพยคำตอบมาให้ดู แต่เป็นโพยของสนามสอบอื่น ส่วนเนื้อหาข้อสอบ ที่มีการแชร์ในโลกเซเชียล ดูแล้วเป็นข้อสอบชุดเดียวกันกับข้อสอบจริง จึงทำให้รู้ว่าการสอบครั้งนี้มีการทุจริตกันอย่างแน่นอน
ผู้เข้าสอบคนนี้ บอกว่า เธอตั้งใจกับการสอบและเตรียมตัวอ่านหนังสือมานานเกือบสองปี ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เพราะนอกจากการทุจริต ก็ยังพบว่ามีคนชื่อซ้ำ ในการประกาศผลสอบด้วย บางคนมีนามสกุลเดียวกับนายตำรวจระดับสูง ส่วนที่ออกมาให้ข้อมูลก็เพราะอยากให้การสอบ โปร่งใสไร้ทุจริต อยากให้คนที่เข้าไปเป็นตำรวจต้องมีความซื่อสัตย์ เพราะหากเข้าไปได้ด้วยวิธีนี้ การทำงานในชีวิตราชการก็คงจะมีวิธีคิดไม่ต่างกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี