กัดไม่ปล่อย! ปส.ทลาย 3 เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ยึดทรัพย์อีก 2.5 ล้านบาท
18 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. สั่งการให้ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส. จับกุมผู้ต้องหาเครือข่าวยาเสพติดรวม 3 คดี ยึดทรัพย์อีก 2.5 ล้านบาท
คดีแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ร่วมกันจับกุมนายออด และนายจักรินทร์ พร้อมเคตามีน 44 กิโลกรัม ได้ที่โรงไฟฟ้าบ้านแดนเมือง ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย หลังจากนั้น บก.ขส.บช.ปส. ได้ตรวจสอบวิเคราะห์ฐานข้อมูล Big data พบว่าขบวนการนี้ได้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคอีสานเข้าสู่พื้นที่ภาคกลางอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวันที่15-17 ธ.ค.2565 พบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายในพื้นที่ จ.หนองคาย-บึงกาฬ จนช่วงกลางดึกวานนี้ เจ้าหน้าที่ บก.ขส. , กก.3 ปส.2 , สภ.หนองบัวลำภู ได้ร่วมกันจับกุมนายอานนท์ อายุ 39 ปี และนายสถาพร อายุ 32 ปี ได้ในพื้นที่ ต.หนองภัยศูนย์ อ.เมืองหนองบัวลำภู หลังใช้รถกระบะ ทะเบียนเพชรบูรณ์ ลำเลียงยาบ้า ประมาณ 100,000 เม็ด พร้อมปืนไทยประดิษฐ์ .38 มม.1 กระบอก จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง
ผู้ต้องหาให้การว่า นายเสือ หรือนายฐิติภัทร เป็นผู้สั่งการผ่านทางไลน์ ให้นำยาบ้า จากริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.บึงกาฬ ไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.เพชรบูรณ์ ใช้เส้นทาง บึงกาฬ-สว่างแดนดิน-อุดรธานี-หนองบัวลำภู-ชุมแพ-หล่มสัก-เพชรบูรณ์ ได้ค่าจ้างเป็นเงินสดบ้าง หรือบางครั้งได้เป็นยาบ้าเพื่อนำไปขายต่อให้กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ นายเสือ คือตัวการสำคัญในคดีลำเลียงเคตามีน 44 กก. เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้หลบหนีอยู่ในประเทศลาว เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าติดตามเครือข่ายนี้ต่อไปรวมถึงประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดของประเทศลาว เพื่อนำตัวผู้บงการายใหญ่กลับมาดำเนินคดีในไทย
คดีที่ 2 เมื่อเช้าวานนี้ (17 ธ.ค.65 ) ตำรวจ กก.3 บก.ปส.1 ร่วมกับ ป.ป.ส.และ เจ้าหน้าที่ กก.2 ปส.2 ปิดล้อมตรวจค้นขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามคดี ตรวจยึดยาไอซ์ในกระสอบทราย 193 กก. ปลายทางประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ต่อมาสืบสวนพบว่ามีผู้ต้องหา 3 รายเป็นผู้จัดส่งจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ประกอบด้วย 1.นายเฉลิม 2 นายเทพพิทักษ์ 3.นายธวัช ตามหมายจับศาลอาญาตามลำดับที่ 643-644-645 /2565 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติประเภทที่1 (ยาไอซ์)ไว้เพื่อจำหน่าย จับนายเฉลิม ได้ที่บ้านในหมู่ 9 ต.นาเจริญ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี จับนายเทพพิทักษ์ ได้ที่ตึกแถวซอยคู้บอน 27 แยก 10 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน และจับนายธวัช ได้ที่บ้านในซอยบางกระดี่ 34 แยก 5 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน
สอบปากคำทั้ง 3 สารภาพว่า นำยาเสพติดซุกซ่อนปะปนไปกับสินค้าประเภทกระสอบทราย หมอนยางพาราที่นอนยางพารา และกุ้งแช่แข็งจริง พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สิน อีก 5 รายการ หลังจากนี้ตำรวจ ปส. จะขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและหาตัวการสำคัญในการสั่งการต่อไป
คดีสุดท้าย หน่วยปราบปรามยาเสพติดเพลินจิต นำกำลังจับกุม น.ส.ณัฐภัทร อายุ 39 ปี ได้ที่บ้านใน ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังพยายามส่งไอซ์ ออกนอกราชอาณาจักรไทย เมื่อเดือน มี.ค.65 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นสามารถตรวจยึด ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 198 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ชกมวย ส่งปลายทางประเทศศรีลังกา โดยนำฝากส่งที่ร้านรับส่งพัสดุเอกชน นอกจากนี้ เมือประมาณปี 2564 ผู้ต้องหายังเคยสั่งการให้บุคคลอื่นนำพัสดุซุกซ่อนไอซ์ หนัก 240 กรัม ซุกซ่อนในรองเท้าส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย ด้วย
ผบช.ปส.กล่าวทิ้งท้ายว่า ตำรวจ ปส. ยังคงเดินหน้าจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งขยายผลจากการจับกุมทุกคดี ยึดอายัดทรัพย์สินทุกประเภทที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณตะเข็บชายแดน ฝั่งตรงข้ามประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ภาคอีสาน ตามนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดทุกชนิดให้ผ่านเข้ามายังประเทศไทย ขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติดได้ ด้วยการยึดอายัดทรัพย์สินตลอดจนการป้องกันและปราบปรามแหล่งชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ชุมชนที่เชื่อว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด และพื้นที่ล่อแหลมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี