“DSI”สั่งการบ้านชุดใหญ่ “นอท กองสลากพลัส” เหตุต้องเเจงหลายเส้นทางการเงิน ไม่เฉพาะแค่ 42 ล้านปัดล็อกเป้าเอาผิด-ยันมอนิเตอร์มา2 ปี อธิบดีกำชับ ทำงานตรงไป ตรงมา อย่ามีข่าววิ่งเต้นช่วยเหลือกัน
เมื่อวันที่ 8 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า การบ้านชุดใหญ่ที่ทนายความของนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้รับไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา
จากการเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เนื่องจากนายพันธ์ธวัช ถูกออกหมายเรียกให้เข้าให้การในฐานะพยานในวันที่13 มกราคมนี้ ว่าหลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขยายผลสืบสวนจากมูลฐานความผิดเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน ยาเสพติด การพนันออนไลน์นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่ต้องเข้ามาชี้แจงเส้นทางการเงิน 42ล้านบาท แต่ยังมีอีกหลายเส้นทางการเงินที่เชื่อมมายังนายพันธ์ธวัช
ทั้งนี้ คณะทำงานเริ่มสอบสวนมาตั้งแต่กลางปี 2564 แล้วค่อยๆขยายผลจากเส้นทางการเงินและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ตามหมายจับ แต่ที่เพิ่งปรากฏเป็นข่าว เพราะคณะทำงานได้รายงานความคืบหน้าทางคดีไปยังผู้บังคับบัญชาเมื่อวันที่ 3มกราคม 2565 ด้วยระเบียบการปฏิบัติงานที่ต้องรายงานขึ้นไปก่อนวันที่ 5ของเดือนและระดับผู้บังคับบัญชาพบว่า มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์คนดังกล่าว จึงเป็นที่มาที่ดีเอสไอ ได้เผยแพร่ข่าวทางสาธารณะได้รับทราบว่ามีการออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัช ในฐานะพยาน จึงยืนยันชัดเจนว่าดีเอสไอไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ธุรกิจกองสลากพลัส แต่เพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏ จึงจำเป็นต้องดำเนินการกฎหมาย
นอกจากนี้คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด เปิดเผยด้วยว่า นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์อธิบดีดีเอสไอ ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ต้องระมัดระวังเรื่องที่จะมีผู้ที่นำไปกล่าวอ้างว่ามีการช่วยเหลือกันทางคดีหรือวิ่งเต้นคดี ดังนั้น คณะทำงานฯ จึงต้องให้สิทธิ์ ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกออกหมายเรียก จึงเปิดโอกาสให้ทนายความของนายพันธ์ธวัช ได้เข้ารับทราบประเด็นการสอบปากคำก่อน เพื่อให้ได้รู้ว่า ดีเอสไอสอบสวนด้วยความเป็นธรรมและให้กลับไปเตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อม
คณะทำงานศูนย์ยาเสพติด เปิดเผยอีกว่า ในเบื้องต้นจากการรวบรวมพยานหลักฐานตามคดีมูลฐานที่คณะทำงานฯ ดำเนินการ คือการพนันออนไลน์ ขบวนการฟอกเงิน เราจึงไม่ได้เน้นไปที่ธุรกิจสลากกินแบ่งออนไลน์รายใดก็ตามที่มีอยู่ในสังคม แต่ถ้าคดีมูลฐานที่เราสืบสวนขยายผลไปปรากฏเรื่องเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลใด หรือธุรกิจใด เราก็ต้องออกหมายเรียกให้บุคคลหรือนิติบุคคลนั้นๆมาสอบปากคำในฐานะพยาน จึงสรุปว่าปัจจุบันยังปรากฏพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องการรับเงินกลุ่มขบวนการฟอกเงิน ที่ชัดเจนเพียงรายเดียว
ส่วนกรณีของนายเอ็ดดี้-พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ที่มีการออกหมายจับไปนั้น คณะทำงานฯ ระบุว่า หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายพันธ์ธวัช ก็จะต้องชี้แจงให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายเอ็ดดี้ อย่างไร ทั้งนี้ ประเด็นที่มีรายงานว่า ดีเอสไอได้มอนิเตอร์บัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัช มาแล้ว 2 ปีนั้น คณะทำงานฯ ยืนยันว่าได้มีการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัช ย้อนหลัง 2 ปีจริง แต่เป็นการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะมีความพัวพันกับผู้ต้องหาในคดีมูลฐานที่คณะทำงานฯ กำกับสอบสวนอยู่และเนื่องจากทางดีเอสไอมีคณะทำงานหลายชุด จึงไม่สามารถทราบได้ว่าอาจจะมีคณะทำงานชุดใดที่มอนิเตอร์มา 2ปี ตรงนี้จึงไม่อาจจะทราบได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี