คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2566 โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตรที่ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณาจารย์ นักศึกษา ประชาชน ร่วมกิจกรรมอย่างเนืองแน่น ณ อาคารนิทรรศการจตุรมุข อุทยานเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สำหรับงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2566 จัดขึ้นหลังงดไป 2 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยปีนี้เป็นปีที่ 31 จัดขึ้นภายใต้คำขวัญ“นวัตกรรมเกษตรอีสาน มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดนิทรรศการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมสืบสานพระราชปณิธานภายใต้ร่มพระบารมีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อแลกเปลี่ยนผลงานวิชาการและวิจัยทางการเกษตรของนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนและเกษตรกร เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขนาดกลางและขนาดย่อม เผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ทางการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรสู่ชุมชนแก่ผู้คนในงาน
นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ประจำปี 2566 นับเป็นอีกงานหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดขอนแก่น พ.ศ.2566 ในการที่จะส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาเกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป เกษตรอัจฉริยะ และระบบนิเวศการเกษตร ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้ในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดีกินดีเพื่อปากท้องของประชาชนชาวขอนแก่นทุกครัวเรือน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การจัดงานเกษตรภาคอีสานประจำปี 2566 เป็นการแสดงถึงความพร้อม ความยิ่งใหญ่ของภาควิชาการด้านการเกษตร โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีแห่งเทคโนโลยีเกษตรของประเทศไทย
"จากวิกฤตโควิด-19 ภาวะการขาดแคลนอาหาร และภาวะเงินเฟ้อจากราคาอาหารที่สูงขึ้น ถือเป็นวิกฤตหนักที่โลกกำลังเผชิญ ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการต่อยอดการเกษตรของภาคอีสาน เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและภาคเอกชน เจรจาตกลงให้ประเทศไทยขนส่งสินค้าทางการเกษตรไปยังเอเชียกลาง ตะวันออกกลาง และยุโรปด้วยรถไฟความเร็วสูง มีเส้นทางการขนส่งที่สั้นและรวดเร็วมากกว่าการขนส่งทางเรือ ฉะนั้นการจัดงานเกษตรภาคอีสานในปีนี้ จึงเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนมองเห็นถึงความสำคัญของอาชีพการเกษตรของประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตอาหารและการเป็นครัวของโลก"
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานวันเกษตรภาคอีสาน ถือได้ว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อปณิธาน และ ปรัชญาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ว่าจะเป็นศูนย์รวมทางความคิด สติปัญญาของสังคม และเป็นศูนย์รวมการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นกิจกรรมใหญ่อีกกิจกรรมหนึ่งของมหาวิทยาลัยขอนแก่นและของจังหวัดขอนแก่น ที่ก่อให้เกิดการหมุนเวียน และ เป็นแรงขับเคลื่อนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในจังหวัดได้เป็นอย่างดียิ่ง จากการจัดงานครั้งล่าสุดเมื่อปี 2563 มีประชาชนเข้าเที่ยวชมงานรวมกว่า 500,000 คน หรือโดยเฉลี่ยวันละ 50,000 คน และ มีเงินทุนหมุนเวียนภายในงานมากกว่า 500 - 600 ล้านบาท
"การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดแบบเต็มรูปแบบครั้งแรกหลังงดเว้นไป 2 ปีหลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย สำหรับการจัดงานงานวันเกษตรภาคอีสานเป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาด้านการเกษตรของไทยเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG หรือ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล"
สำหรับปีนี้งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มกราคม 2566 - 5 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี