DSI จ่อออกหมายเรียก'แทนไท' สอบปากคำในฐานะพยานปลาย ก.พ.นี้ เหตุเส้นเงินพัวพัน"นอท กองสลากพลัส"ทำธุรกิจร่วมกันมานาน ให้แจงเงินหลักร้อยล้านบาท แถมก่อนถูกอายัดบัญชี2วันยังโอนเงินให้'แทนไท'อีกด้วย
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 จากกรณีที่ศูนย์คดียาเสพติด ภายใต้การกำกับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน การจัดให้มีการเล่นการพนัน จนออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เนื่องจากพบความเชื่อมโยงพัวพันในส่วนของเส้นทางการเงินตั้งแต่หลักสิบล้านบาทไปจนถึงหลายพันล้านบาท จนแบ่งเป็นคดีพิเศษ 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 288/2565 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องมาจากนายพันธ์ธวัช ได้นำสลากที่ถูกรางวัลให้กับนายอรรถกานต์ หรือ นาย อ. นำไปขึ้นเงินและโอนเข้าบัญชีจำนวน 53 ล้านบาท เล็งเห็นว่าร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน
นอกจากนี้ ยังมีคดีพิเศษที่ 6/2566 นายพันธ์ธวัชถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนัน โดยพบว่ามีเส้นทางการเงินกว่า 39 รายการ รวมจำนวนเงินกว่า 1,090 ล้านบาท จากบรรดานายทุนไทยเทาที่เข้ามาร่วมลงทุนจำหน่ายสลากกินแบ่งออนไลน์กับกองสลากพลัสนั้น
ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงยุติธรรม เผยว่า ตนได้รับรายงานว่าดีเอสไอได้มีการประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับนายพันธ์ธวัช ทั้งลักษณะการทำธุรกรรมรับเงินและโอนเงิน ซึ่งในบรรดาบัญชีธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 8 บัญชีต้องสงสัยที่ดีเอสไอได้อายัดไว้นั้น พบว่ามีบางส่วนได้มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับนายแทนไท ณรงค์กูล ซึ่งเป็นเส้นทางการเงินที่ผิดปกติน่าสงสัย ทางดีเอสไอจึงได้ออกหมายเรียกให้นายแทนไท เข้าให้การชี้แจงกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในฐานะพยานในเร็วๆนี้หรือประมาณปลายเดือนก.พ.นี้
"พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งข้อสงสัยถึงพฤติการณ์ที่ผิดปกติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างนายพันธ์ธวัชและนายแทนไท ว่าจากการที่ ปปง.ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้งคู่ ปรากฏว่าไม่พบเงินจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาทดังกล่าวออกจากบัญชีของนายแทนไท แต่กลับ
พบว่ามีเงินจำนวนหลักร้อยล้านบาทได้ฝากเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเข้าบัญชีธนาคารออมทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช ต่อจากนั้นเงินก้อนนี้ได้ถูกโอนออกไปยังบัญชีธนาคารของนายแทนไท ดังนั้นดีเอสไอจึงเล็งเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ เป็นการปิดบังอำพรางแหล่งที่มาของเงินหรือไม่ หรือกล่าวอีกนัย คือ ร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน จึงต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นายแทนไทมาชี้แจง"
แหล่งข่าวฯ เผยอีกว่า ทางดีเอสไอยังได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่องจนพบว่าทั้งคู่มีการลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมานาน โดยหลักฐานที่พบ คือ สัญญาการร่วมทุนจำหน่ายสลากลอตเตอรี่ออนไลน์ เป็นต้น แต่กลับไม่เคยพบเส้นเงินจากนายแทนไท เข้าไปหานายพันธ์ธวัช นอกจากนี้ ยังมีพยานหลักฐานจากทางธนาคารปรากฏว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชไปยังบัญชีนายแทนไท ในช่วง 2 วันก่อนที่นายพันธ์ธวัช จะถูกอายัด ซึ่งนายแทนไท อาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
อ่านรายละเอียด : นอท.ยันเสียงแข็งไม่ได้ขายหวยเกินราคา ไม่เคยฟอกเงินให้ใคร-อัยการนัดฟังการสั่งคดี 24 ก.พ.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี