‘อดีตอาจารย์รร.นายร้อยตำรวจ’เปิดตัวชิง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ โชว์วิสัยทัศน์‘ลงทุนกับตำรวจ คุ้มค่าหรือไม่’
15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. 2566 ประกาศโดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ณ วันที่ 31 มกราคม 2566 โดยระเบียบฯ ดังกล่าวประกอบไปด้วย 10 หมวด ทั้งนี้หลังจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) เปิดรับสมัครอดีตข้าราชการตำรวจ โดยมีอดีตข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.ท.ขึ้นไป ที่มีคุณสมบัติครบ ลงสมัครเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.) 22 ราย
ล่าสุด ศาสตราจารย์ พลตำรวจโท ดร.พิศาล มุขแจ้ง อดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รองนายกสมาคมพนักงานสอบสวน ซึ่งลงสมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หมายเลข 9 เผยแพร่บทความ “ลงทุนกับตำรวจ....คุ้มค่าหรือไม่ ?”
จากข่าวที่ปรากฏในรอบเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำรวจตั้งด่านรีดไถ่เงินนักท่องเที่ยว ตำรวจรับจ้างขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือแม้แต่ตำรวจไปพัวพันกับธุรกิจจีนสีเทา สิ่งเหล่านี้นับว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และวิกฤตศรัทธาของประชาชนที่มีต่อตำรวจเป็นอย่างยิ่ง
หากจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุรากเหง้าของปัญหา ตำรวจทุจริต ประพฤติมิชอบ แสวงหาผลประโยชน์ว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด และในต่างประเทศปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ อีกทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนควรทำอย่างไร
ผมในฐานะที่เคยไปฝึกอบรมวิชาการตำรวจในต่างประเทศหลายประเทศ มีโอกาสพบเห็นการทำงานและชีวิตความเป็นอยู่ของตำรวจในประเทศต่างๆ ตลอดจนมีเพื่อนที่เป็นตำรวจต่างชาติจำนวนมาก และยังได้เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนี้ จึงใคร่ขออนุญาตเสนอแนวการแก้ไขปัญหาดังนี้
ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นหรือประพฤติผิดนอกลู่นอกทางของตำรวจเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของสังคม เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ หลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ขาดระบบการตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจที่เข้มแข็ง ขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจังของผู้บังคับบัญชา และที่สำคัญที่สุด รัฐบาลในประเทศเหล่านั้นไม่เห็นความสำคัญในคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของตำรวจเท่าที่ควร ให้เงินเดือนและค่าตอบแทนตำรวจไม่เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบ อีกทั้งองค์กรถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ หากเส้นทางการเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ ( career path ) ของตำรวจไม่มั่นคง และมองไม่เห็นอนาคตของตน ตำรวจส่วนใหญ่จึงรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง ขาดขวัญ กำลังใจในการทำงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ในขณะเดียวกันมีตำรวจบางรายกระทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่สนใจคุณธรรม มโนธรรม สภาพเช่นนี้เปรียบเสมือนโรคร้ายหรือมะเร็งกัดกร่อนเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และระบบคุณธรรมในวงการตำรวจ หากไม่ได้รับการแก้ไขจะเกิดปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ ตามมามากมาย แม้กระทั่งการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเอง อาจกล่าวได้ว่า เพียงแค่ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีคุณภาพชีวิตต่ำ และประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมิใช่เพียงแต่ตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดกลับกลายเป็นประชาชนทั่วไปที่ต้องขาดที่พึ่ง ขาดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน
ในทางทฤษฎี หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นศาล อัยการ และหน่วยงานที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (law Enforcement Agency) เช่น สำนักงานสอบสวนกลาง ( Federal Bureau of Investigation: FBI) รวมถึงองค์กรตำรวจ ถือว่าเป็นหน่วยงานพิเศษ มีอำนาจ สามารถให้คุณให้โทษ อันมีผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของบุคคล สังคมจึงคาดหวังว่าบุคลากรในสายอาชีพนี้ต้องมีจิตสำนึก คุณธรรม มโนธรรม มีความรับผิดชอบสูง สมควรได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนที่สูง ทั้งนี้เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ รักษาเกียรติภูมิของตน สามารถปฏิบัติหน้าที่ผดุงความยุติธรรมได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยมิต้องไปสนใจในอามิสสินจ้าง หรือผลประโยชน์ใดๆ และในขณะเดียวกันหน่วยงานมีระบบตรวจสอบการทุจริตที่เข้มแข็ง หากผู้ใดกระทำผิดจะมีกฎหมายลงโทษอย่างรุนแรง รวดเร็ว และแน่นอน ที่สำคัญบุคลากรเหล่านี้จะได้รับการปลูกฝังด้านคุณธรรมอยู่ในระดับสูงจึงไม่มีความคิดที่จะกระทำผิด
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศที่สังคมมองเห็นความสำคัญในภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของพวกเขา จะได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา จากประชาชน ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะทุ่มเทงบประมาณอย่างเต็มที่ในการจัดหาบุคลากรให้เพียงพอกับปริมาณงาน ให้การศึกษาฝึกอบรมหรือพัฒนาบุคลากร และให้ค่าตอบแทนในรูปของเงินเดือนที่สูงและมีระบบสวัสดิการที่เหมาะสม มีผลทำให้อาชีพตำรวจในประเทศเหล่านั้นเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตำรวจมีความภาคภูมิใจในอาชีพ มีเส้นทางการเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพอย่างมีระบบที่ชัดเจน มีความโปร่งใสและเป็นธรรม (POLICE PROMOTION SYSTEM ) ตำรวจในประเทศต่างๆ เหล่านั้นไม่ว่าจะมีตำแหน่งใด ชั้นยศใด หรืออยู่ในหน่วยงาน พื้นที่ใด ต่างก็ได้รับการดูแล สนับสนุนปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพอย่างเหมาะสมและเพียงพอ มีความสุขตามอัตภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีใกล้เคียงกัน โดยจะได้รับการดูแล ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีในสถานที่ทำงาน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการปฏิบัติงานที่ทันสมัยมีสมรรถนะสูง และมีจำนวนเพียงพอ มีระบบการประกันชีวิตและสุขภาพที่ดี มีเงินชดเชยจากการเจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน มีเงินค่าล่วงเวลา โบนัส ตลอดจนที่พักอาศัย
การเติบโตในสายงาน และการได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสูงขึ้น หมายถึงการมีภาระ ความรับผิดชอบในหน้าที่เพิ่มขึ้น มิได้หมายถึงอำนาจ ผลประโยชน์และความมั่งคั่งที่เพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อมีตำแหน่งสูงขึ้นยิ่งต้องทำงานมากขึ้น ในต่างประเทศอาชีพตำรวจจึงเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นอาชีพในอุดมคติของคนหนุ่มสาว เช่น ในประเทศเยอรมนี หนุ่มสาวส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจ คุณสมบัติการรับราชการตำรวจวุฒิการศึกษาเพียงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น แต่ได้รับเงินเดือนอยู่ในช่วงระหว่าง 42,107 - 72,183 ยูโรต่อปี เฉลี่ยปีละ 59,557 ยูโร หากคิดเป็นเงินไทยประมาณปีละ 2,144,052 บาท หรือเดือนละ 178,671 นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ (เทียบเท่าวิศวกรปริญญาตรี) และที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การขึ้นเงินเดือนในช่วงแรกจะมีอัตราขึ้นสูงมาก เช่น ช่วง 2-5 ปีแรกเงินเดือนจะเพิ่มปีละ 34% ช่วง 5-10 ปี เพิ่มปีละ 48% ดังนั้นเงินเดือนตำรวจจะสูงมากตั้งแต่ช่วงแรก (ต่างจากตำรวจไทยที่ช่วงแรกเงินเดือนต่ำ และเพิ่มน้อยมาก) ทำให้มีรายได้เพียงพอ ไม่ต้องเริ่มชีวิตราชการด้วยการมีหนี้สิน มีความมั่งคงทางเศรษฐกิจ ทำงานโดยไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง สามารถครองตน ยึดมั่นในอุดมการณ์วิชาชีพ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาผลประโยชน์อื่นๆ โดยมิชอบ ตำรวจจึงมีความพร้อมสูงมาก และสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความปลอดภัยและอำนวยความยุติธรรมให้แก่สังคมและประชาชนได้อย่างแท้จริง
สรุปได้ว่า การปฏิรูปตำรวจ อย่างแท้จริงและยั่งยืน จะเกิดขึ้นมิได้เลย ถ้ารัฐบาลไม่ลงทุนกับองค์กรตำรวจ การลงทุนกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่รักษากฎหมาย ดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดจนอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน เป็นเรื่องจำเป็น ควรค่าและคุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะไม่เพียงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรตำรวจและบุคลากรในองค์กรเท่านั้น แต่ประโยชน์สำคัญยิ่งใหญ่มหาศาลจะเกิดกับประเทศชาติและประชาชนทุกคน ประชาชนจะได้รับการดูแล
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม และที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งตำรวจจะต้องปรับเปลี่ยนสังคมในชาติที่มีปัญหาให้เป็นสังคมที่น่าอยู่และปลอดภัย ส่งเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุน อันนำไปสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วต่อไป
รัฐบาล ลงทุน สนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรตำรวจในระดับมาตรฐานสากล
• ปรับเงินเดือนและค่าตอบแทนตำรวจให้สูงขึ้น เพียงพอต่อการดำรงชีพ
• จัดระบบสวัสดิการที่ดี
o มีระบบการประกันชีวิตและสุขภาพ
o มีเงินชดเชยจากการเจ็บป่วยจากการทำงาน มีค่าล่วงเวลา โบนัส
o จัดที่พักอาศัยให้เพียงพอ
• เพิ่มจำนวนบุคคลากรในสายงานที่ขาดแคลนให้เพียงพอกับปริมาณงาน
• กำหนดแนวทางการเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ (Career Path) อย่างมีระบบ ชัดเจน
มีความโปร่งใสและเป็นธรรม (POLICE PROMOTION SYSTEM )
• ปรับสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน ให้เอื้อต่อการทำงาน
• จัดหาอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการปฏิบัติงานที่ทันสมัย มีสมรรถนะที่สูง และมีจำนวนเพียงพอ
• พัฒนาระบบการตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจที่เข้มแข็ง
• ลงโทษผู้กระทำผิดทุจริตประพฤติมิชอบ โดยมีกฎหมายลงโทษอย่างรุนแรง (Severity) รวดเร็ว (Swiftness) และแน่นอน (Certainty)
เจ้าหน้าที่ตำรวจ
• มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เท่าเทียมกัน มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ
• มีจิตสำนึก มีจิตวิญญาณในความเป็นตำรวจ คุณธรรม มโนธรรม สูงขึ้น
• มีความภาคภูมิใจในวิชาชีพ มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูงขึ้น
• มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในงานตำรวจ
• มีความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ
• ได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา จากประชาชน
• มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่สูงขึ้น
• ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ผดุงความยุติธรรมได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยไม่สนใจในผลประโยชน์
• ประพฤติตนอยู่ในระเบียบแบบแผนขององค์กร ไม่ทุจริต ประพฤติมิชอบ และไม่กล้ากระทำผิด
ประชาชนและสังคม
• ประชาชนได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้รับความเป็นธรรม เพิ่มมากขึ้น
• สังคมสงบสุข ปลอดภัย เป็นสังคมที่น่าอยู่
• ส่งเสริมบรรยากาศการค้าและการลงทุน อันนำไปสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี