ลาม‘เขาตะแบก-เขาวังรี’ใกล้ชุมชน
ไฟป่าเขาแหลมปะทุ
ผู้ว่าฯนครนายกเพิ่มกำลังคน-ฮ.5ลำ
เร่งโปรยน้ำ-จัดกำลังเดินเท้าทำแนวกันไฟ
ประกาศเขตภัยพิบัติ2ตำบล/เปิดศูนย์อพยพ
ฝุ่นพิษ13จังหวัดเกินมาตรฐาน-เหนือหนักสุด
ปฏิบัติการดับไฟป่า เขาแหลม จ.นครนายก เข้าสู่วันที่ 4 ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หลังลมเปลี่ยนทิศพัดแรงทำไฟปะทุขึ้นอีกรอบลุกลามไปเขาตะแบก เขาวังรี ใกล้เขตชุมชน ต.เขาพระ อ.เมืองนครนายกผู้ว่าฯปล่อยแถวจนท.จิตอาสากว่า 250 คน เดินเท้าดับไฟ เร่งทำแนวกันไฟและประกาศเขตภัยพิบัต 2 ตำบล
ในอ.เมือง เตรียมศูนย์อพยพ2แห่งดูแลปชช. ขณะที่“ทบ.-ปภ.-ทส.”ระดมเฮลิคอปเตอร์เพิ่มอีก 2 เป็น5ลำ ขนน้ำสกัดไฟ นายกฯ สั่งกองทัพหนุนปฎิบัติการคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ภาพรวมค่าฝุ่นทั้งปท.13จว.เกินมาตรฐาน-เหนือหนักสุดวัดได้440 มคก. อ.ปาย แม่ฮ่องสอนสูงสุด เชียงใหม่ยังแชมป์โลกอากาศแย่สุด
สถานการณ์ไฟป่าบนเขาชะพลูซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม และได้ลุกลามไหม้เขาแหลม ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายกยังน่าเป็นห่วง แม้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเพลิงต่อเนื่องเข้าวันที่ 4 เพื่อจำกัดพื้นที่ไม่ให้กลุ่มไฟลามไปยังพื้นที่ป่าในจังหวัดใกล้เคียง แต่ช่วงกลางดึกไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากมีกระแสลมพัดเข้ามาในพื้นที่ ไฟป่าได้เผาไหม้ภูเขา 3 ลูก ทั้งเขาเพิ่ม เขาแหลม และเขาตะแบก โดยไฟได้ลุกลามไปตามร่องเขา ทิศทางของไฟเป็นแนวตรง ขึ้นลงตามสันเขากินพื้นที่ในตำบลพรหมณีและตำบลเขาพระทำให้มีผืนป่าเสียหายไป 700 ไร่ และไฟยังลุกไหม้เข้าเขาวังรีอีกด้วย
ไฟป่าปะทุอีกลามเขาตะแบก-เขาวังรี
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและหมอกควันในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาพระ นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า ทหารจากปราจีนบุรี รถน้ำจากหลายหน่วยงาน และประชาชนจิตรอาสา พร้อมกู้ภัยสว่างอริยะนครนายกจำนวน 119 คน เข้าพื้นที่เขาวังรี หมู่ที่ 12 ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เนื่องจากไฟป่าได้ลุกลามจากเขาชะพลู ต.พรหมณี ด้านหลังสนามยิงปืน โรงเรียนนายร้อย จปร. ลุกลามไหม้ป่ามาเขาแหลม ลุกลามมาเขาตะแบก และเข้าถึงพื้นที่เขาวังรี
ทส.ส่ง ฮ.เพิ่ม-เร่งทำแนวกันไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังจัดชุดขึ้นเขาเข้าป่า เพื่อทำแนวกันไฟ พร้อมใช้รถน้ำดับเพลิงระดมฉีดพรมน้ำไม่ให้ไฟลามเข้าให้เข้าใกล้บ้านเรือนประชาชน ส่วนทางอากาศใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ มีเฮลิคอเตอร์ Ka-32 และเฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ของ ปภ.ปราจีนบุรี และของทหาร ลพบุรี เข้าปฎิบัติการ ซึ่งช่วงเที่ยววันเดียวกันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะนำเฮลิคอปเตอร์มาเพิ่มอีก 1 ลำ โดยบินตรงมาจาก จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ จากปฏิบัติการทิ้งน้ำของเฮลิคอปเตอร์ ดูเหมือน ไฟป่า จะอ่อนลงบ้าง แต่เมื่อมีกระแสลมพัดเข้ามาในพื้นที่ไฟป่าปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ระดมกำลัง252คนเดินเท้าดับไฟ
สำหรับพื้นที่ด้านล่างบริเวณเชิงเขา หน่ายงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ได้แก่ องค์กรปกครอบส่วนท้องถิ่น / ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย( ปภ.) เขต 3 ปราจีนบุรี หน่วยทหาร และหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นำรถดับเพลิงและเครื่องมือเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อม ปฏิบัติการป้องกัน ไฟป่า ไม่ให้ลุกลามเข้าใกล้บ้านเรือนประชาชน โดยแผนปฏิบัติงานตลอดทั้งวันนี้ ยังปฏิบัติการทางอากาศ เฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการป้องกันไฟป่าบริเวณตีนเขา นอกจากนี้ ยังบูรณาการกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ประกอบด้วย มวลชนเขาพระ 50 คน โรงเรียนเตรียมทหาร 20 คน เจ้าหน้าที่ไฟป่านครนายก 10 คน เจ้าหน้าที่หน่วยเขาใหญ่ 7 คน เจ้าหน้าที่ป่าไม้สำนัก 9 ปราจีนบุรี 85 คน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสาดับไฟป่า อ.เมืองนครนายก 30 คน รวมกำลังพล 252 คน ปฏิบัติการภาคพื้นดิน เดินขึ้นเขาดับไฟและทำแนวกันไฟ นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกจากชมรมบรรเทาภัยเฉพาะกิจจากกรุงเทพมหานคร เข้าสนับสนุนการทำงาน โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมเดินสาย เตรียมพร้อมควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามด้วย
ประกาศเขตพื้นที่ประสบอัคคีภัย2ต.
ทั้งนี้ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นวงกว้างทำให้ล่าสุด จ.นครนายกประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีเหตุอัคคีภัย (ไฟป่า) ในพื้นที่ อ.เมืองนครนายก ครอบคลุมพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายก และหมู่ที่ 10, 11, 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาพระ อ.เมืองนครนายก
ตั้งศูนย์อพยพ2แห่ง-ฮ.5ลำขนน้ำกันไฟ
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกเปิดเผยว่า กระแสลมเปลี่ยนทิศจากทิศเหนือเป็นตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่กลางดึกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ทำให้แนวไฟลุกลามเปลี่ยนเส้นทาง จังหวัดจึงขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เพิ่มอีก 2 ลำ รวมกับที่ปฎิบัติการอยู่ตอนนี้ 3 ลำรวมเป็น 5 ลำ ตักน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยปรือขึ้นดับไฟ โปรยน้ำทำวงล้อมสกัดการลุลาม นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมตั้งศูนย์อพยพของจังหวัดนครนายกหลังประกาศภัยพิบัติมี 2 แห่งคือ วัดบ้านวังรี กับ วัดทุเรียน แต่ที่หลังวัดบ้านวังรี พบกลุ่มควันและไฟป่าลุกลามอยู่ ซึ่งเป็นเชิงเขาตะแบกลูกเดียวกัน แต่คนละฝั่งเขากับสนามยิงปืนของโรงเรียนในรอยพระจุลจอมเกล้า อย่างไรก็ตาม ภารกิจเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำ ของปภ. ทหารบก และ กระทรวงทรัพย์ฯ ใช้น้ำไปกว่า 154,500 ลิตร รวมกว่า 100 เที่ยวบินในการสกัดกั้นไฟป่า
ไฟโหมแรงจนท.เสี่ยงทำงานยาก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกำลังเจ้าหน้าที่ของ ทส.เข้าพื้นที่ช่วยดับไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมหลายหน่วยงาน แต่การดับไฟในพื้นที่ทำได้ยาก เนื่องจากไฟโหมแรงมาก เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้ สิ่งที่ทำได้ขณะนี้คือ พื้นที่ที่ไฟไหม้ทั้งหมดสามารถควบคุม ไม่ให้ลามไปพื้นที่อื่นได้แล้ว หลังจากนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเวลาเกิดไฟป่าเราไม่สามารถเข้าไปดับได้ แต่ต้องปล่อยให้ไหม้จนหมดแล้วมอดไปเอง นี่คือการควบคุมไฟป่าในทุกที่ การเอาน้ำเข้าไปโปรยในป่าเป็นการบรรเทาความร้อนให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟได้มากขึ้นทั้งนี้ ได้กำชับรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯตรวจสอบทางดาวเทียม ถึงจุดความร้อนว่าต้นกำเนิดมาได้อย่างไร ถ้าเป็นจุดเดียวก็อาจเป็นอุบัติเหตุทางธรรมชาติได้ แต่ถ้าเป็นแนวเส้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการเผาโดยมนุษย์ แต่สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนควบคุมได้ กรณีที่ไม่ทำให้ไฟป่าลามไปถึงเขาใหญ่ แต่ตอนนี้เพลิงยังไม่สงบ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องถอยออกมาก่อน
ฮ.ทบ.-ปภ.ทส.เร่งทิ้งน้ำดับไฟเต็มที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า เนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ชุมชน จึงต้องเร่งดับไฟป่าเต็มที่ โดยประสานกับจังหวัดนครนายก และหน่วยงานในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนอากาศยานร่วมภารกิจดับไฟป่าครั้งนี้มาจาก 3 หน่วยงานคือ กองทัพบก (ทบ.) ปภ.และ ทส. ปฎิบัติการหลักคือทิ้งน้ำดับไฟ บริเวณป่าเขานางรำ ป่าเขาตะแบก ที่ไฟลุกลามมาจากป่าเขาแหลมที่ดับแล้วบางส่วน แต่เนื่องด้วยจุดเกิดไฟป่ามีหลายจุด และอยู่บนภูเขาสูงชัน ทั้งมีปริมาณเชื้อเพลิงจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย จำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์สนับสนุนภารกิจต่อไป
เฝ้าระวังลมพัดไฟปะทุลามชุมชนสระบุรี
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ไฟป่าบริเวณเขาแหลม เขาชะภู เขาตะแบก ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายกใกล้ชิด ศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม ได้สรุปสถานการณ์ไฟป่าบริเวณเขาแหลม เขาชะภู เขาตะแบก ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายกา วันนี้ (31 มีนาคม) พบว่าไฟป่าเบาบางลง ไม่พบเปลวไฟมีเพียงกลุ่มควัน 2-3 จุด บริเวณยอดเขาตะแบก ต้องเฝ้าระวังกระแสลมกระโชกแรงที่พัดไปทางทิศเหนือ อาจทำให้เปลวเพลิงเกิดโหมปะทุขึ้นได้อีก ส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่รอยต่อจ.สระบุรีได้
นายกฯย้ำเร่งคลี่คลายสถานการณ์
นายอนุชากล่าวด้วยว่า ศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหมยังได้รายงานแผนปฏิบัติการต่อจากนี้ว่า ปฏิบัติการทางอากาศ จะใช้อากาศยานของกองทัพบก ปภ. ทส.เข้าดับไฟที่บริเวณเขาพระ ที่ยังไม่ดับสนิท ขณะที่การปฏิบัติภาคพื้นจัดกำลังจากโรงเรียนนายร้อย จปร. และมณฑลทหารบกที่ 12 เฝ้าระวังโดยรอบพื้นที่เกิดไฟป่าป้องกันลุกลามเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งนายกฯกำชับกองทัพ ร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน เร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้ยุติโดยเร็ว
แม่ฮ่องสอนพบจุดความร้อนมากที่สุด
ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 25 ไมครอนหรือ PM 2.5 หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือยังน่าเป็นห่วง โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 30 มีนาคม ไทยพบจุดความร้อน 2,963 จุด โดยเมียนมามีจุดความร้อนมากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน วัดได้ 7,918 จุด ลาว 1,970 บาท กัมพูชา 356 จุด เวียดนาม 237 จุด และมาเลเซีย 45 จุด ซึ่งจุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุดถึง 1,540 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 1,018 จุด พื้นที่เกษตร 161 จุด พื้นที่ชุมชนอื่นๆ158 จุด พื้นที่เขต สปก. 77 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 9 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับคือ แม่ฮ่องสอน 574 จุด เชียงใหม่ 545 จุด และเชียงราย 332 จุด
PM2.5เหนือยังสาหัสเกิน400มคก.
ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ ภาคเหนือยังน่าเป็นห่วงมาก เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง พบหลายจังหวัด มีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดงและมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่จ.แม่ฮ่องสอน ที่ค่า PM 2.5 สูงสุดกว่า 400 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ตามด้วย เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เลย ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยและงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี
เชียงใหม่อากาศแย่ที่1โลกเกิน56.1เท่า
สถานการณ์คุณภาพอากาศจากค่าฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย เว็บไซต์ iqair ตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษพบ เชียงใหม่ ประเทศไทย พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุดในโลก เช้านี้วัดได้ 328 มคก./ลบ.ม. ความเข้มข้น PM2.5 ในเชียงใหม่ขณะนี้เป็น 56.1 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก คุณภาพอากาศมีผลกระทบทุกคน
ปายฝุ่นทะลัก600มคก.ติด1ใน10โลก
สำหรับประเทศไทย 10 อันดับเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุด เวลา 10.00 น. อันดับที่ 1 ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นพุ่ง 601 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อันดับที่ 2 พาน จังหวัดเชียงราย 474 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อันดับที่ 3 เชียงราย จังหวัดเชียงราย 456 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
13จว.อ่วมPM2.5เกินเกณฑ์-เหนือแชมป์
ด้านศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศสรุปภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 13 จังหวัดได้แก่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.สุโขทัย จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.หนองคาย จ.เลย และจ. นครพนมโดยภาคเหนือเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 33-440 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 25–76 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 17–42 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 10 – 28 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมากวัดได้ 11-22 มคก./ลบ.ม. กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 10–48 มคก./ลบ.ม.
เชียงรายทั้งฝุ่น-ไฟป่าโหมไม่หยุด
สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงราย ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง พบค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่อ.เมืองวัดได้ 254 มคก./ลบ.ม. อ.แม่สายวัดได้ 241 มคก./ลบ.ม. อ.เชียงของวัดได้ 219 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ปภ.นำเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าหรือ ฮ.ปักเป้า แบบ KA-32 ตักน้ำขนาด 3,000 ลิตร 1 ลำ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯอีก 1 ลำ ขึ้นบินสนับสนุนการดับไฟป่าหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจุดที่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเดินเท้าเข้าไปถึงได้ยาก เช่น ดอยจระเข้ อ.แม่จัน อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก อุทยานแห่งชาติแม่ปืม อ.เมืองเชียงราย อุทยานแห่งชาติดอยหลวง อ.พาน และป่าเขต อ.แม่สรวย อ.เวียงเป่าเป้าฯ ทั้งนี้ ไฟป่าเกิดขึ้นหลายพื้นที่ต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังคงออกดับไฟและเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ 24 ชั่วโมง
ผวจ.ลั่นดำเนินคดีคนเผาป่าเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 7 (โป่งปูเฟือง) และตำรวจ สภ.แม่สรวยยังจับกุมผู้ที่ลอบเผาป่าได้อีก 1 ราย โดยชาวบ้านพบไฟลามในป่าละเมาะ บนดอยล้าน ต.วาวี อ.แม่สรวย เมื่อไปตรวจสอบพบชาย 1 คน ทราบชื่อนายสมชัย อายุ 29 ปีชาว ต.วาวี อ.แม่สรวย มีอาการมึนเมาสิ่งเสพติดและกำลังนำอุปกรณ์ไปเผาในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่บ้านดอยล้าน ชาวบ้านจึงคุมตัวเอาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งนายสมชัยรับสารภาพ ตำรวจนำตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลแม่สรวยพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนและมอร์ฟีนในปัสสาวะ จึงตั้งข้อหาว่า เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย” และข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฐานเผาป่าโดยไมได้รับอนุญาต ซึ่งเรื่องนี้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่าจะดำเนินการกับผู้ทำผิดกรณีเผาป่าอย่างเด็ดขาด โดยจะมอบรางวัลจับนำให้กับผู้ที่ชี้เบาะแสทันที
พะเยา ฝุ่นควันปกคลุมทั่วเมือง
ที่จ.พะเยา ยังประสบปัญหาหมอกควัน pm 2.5 และฝุ่นควันพิษปกคลุมเมืองพะเยาต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 วันแล้ว ทำให้พื้นที่เมืองพะเยามีหมอกควันปกคลุมไปทั้งเมือง จนมองไม่เห็นทิวทัศดอยหลวง(ดอยหนอก)ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา พบฝุ่น PM 2.5 มีค่า 131 มคก./ลบ.ม.มีผลกระทบสุขภาพ ทั้งนี้ นพ.เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยาประกาศเตือนประชาชนว่า ไทยเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิสูงขึ้นหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังโรคลมร้อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี