ปลัดกทม. เซ็นคำสั่งตั้งคกก.สอบข้อเท็จจริง ขรก.เขตราชเทวีเรียกรับสินบน3.2 ล้าน ศุกร์นี้สั่งพักราชการจนกว่าสอบเสร็จ ความผิดสูงสุด “ไล่ออก”
วันที่ 5 เม.ย.2566 นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ที่อาคารไอราวัตพัฒนา กรณีหัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท แลกกับไม่เสียภาษีโรงเรือน 40 ล้านบาท ว่า วันนี้ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตที่ดูแลพื้นที่เขตราชเทวีเป็นประธาน กำหนดกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย 120 วัน พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอความเห็นชอบย้ายข้าราชการรายนี้มาประจำที่สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อรอการสอบข้อเท็จจริง และภายในวันศุกร์นี้จะเซ็นคำสั่งพักราชการ จนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุด หากไม่มีความผิดก็กลับไปปฏิบัติงานเช่นเดิม แต่หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษ ซึ่งทางวินัยมีอยู่ 2 แนวทาง คือ ปลดออก กับ ไล่ออก ทั้งนี้ในระหว่างพักราชการ จะไม่ได้รับเงินเดือน
ส่วนคำกล่าวอ้างของข้าราชการคนดังกล่าวที่ระบุว่าจะต้องนำเงินไปแบ่งให้กับคณะกรรมการรายอื่นนั้น นายขจิต ระบุว่า ก็ต้องอยู่ในการสอบสวนของคณะกรรมการที่จะต้องสืบไปในประเด็นต่างๆ หากสาวไปถึงใครก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ปลัดกกทม. ย้ำอีกว่า เรื่องการปราบปรามทุจริตเป็นหนึ่งในโยบายหลักของผู้ว่าฯกทม.ที่ต้องการให้กรุงเทพมหานครมีความโปร่งใส ยุติธรรม แต่ที่ผ่านมาดูจากสถิติก็มีมาเรื่อยๆ มีที่ออกไปเร็วๆ นี้ 2 คน ฝ่ายโยธาเขต และอีก2 คน ข้าราชการครูและบุคลากรโรงเรียน กทม.หากถามถึงช่องโหว่ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตนไม่แน่ใจ เป็นเรื่องของคนทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ประธานที่ปรึกษากทม.ได้ให้ปรับกฎหมาย ระเบียบกรุงเทพมหานครทุกเรื่อง วิธีการติดต่อราชการ เพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น ต่อไปหาก พ.ร.บ.อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 ที่จะผลบังคับใช้วันที่ 7 กันยายนนี้ เรื่องพวกนี้น่าจะหมดไปมาก
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานสำหรับการจัดการในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ได้รับการประสานร้องเรียนจากบริษัทนี้เข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่ามีการเรียกรับเงิน จากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้ของเขต ซึ่งหลังรับเรื่องร้องเรียน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการทันที เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ประกอบกับ กทม. ไม่มีอำนาจดำเนินการทางคดีอาญา จึงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ป., ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและทำการสืบสวนจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 4 เม.ย. มีการดำเนินการเกิดขึ้นซึ่งถือเป็นความลับไม่ได้มีการแจ้ง กทม. ล่วงหน้าแต่อย่างใด พร้อมฝากเตือนไปยังเขตอื่นๆ ว่า กทม.เอาจริงเอาจังในการปราบปรามทุจริต เคสนี้จึงเป็นเคสตัวอย่าง ไม่ถึงกับการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่อยากให้ข้าราชการทุกคน ตระหนักว่าต้องมือสะอาด ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังรอเวลาดำเนินการเอาผิดด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี