จุดความร้อนไทยพุ่งไม่หยุด 2,978 จุด
ภาคเหนือมากสุด
‘เชียงใหม่’แชมป์อากาศแย่ที่ 1 ของโลก
ประกาศภัยพิบัติฯที่อ.เชียงดาว
ปลัดทส.เร่งแก้ปัญหาขั้นวิกฤต
ไฟป่าเผา‘ภูสวนทราย’วอดพันไร่
28 จังหวัดฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินค่า
GISTDA เผยจุดความร้อนไทยเพิ่มขึ้น 2,978 จุดน่านมากสุด 359 จุด ส่วนเชียงใหม่รั้งแชมป์อากาศแย่อันดับ 1 ของโลก ประกาศเขตภัยพิบัติไฟป่าเพิ่มที่เชียงดาว ส่วน ปลัด ทส. ย้ำเร่งแก้ไฟป่าภาคเหนือวิกฤตหนัก ส่วน จ.เลย พบไฟป่าลาม
อุทยานฯ ภูสวนทราย วอด 1,000 ไร่ ขณะที่28 จังหวัดฝุ่นพิษ PM2.5 เกินค่า
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ว่า ประเทศไทยพบจุดความร้อน 2,978 จุด แต่ที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ ลาว 8,640 จุด เมียนมา 5,292 จุด เวียดนาม 615 จุด กัมพูชา 399 และมาเลเซีย 9 จุด สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุดถึง 1,532 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 1,018 จุดพื้นที่เกษตร 212 จุดพื้นที่เขต ส.ป.ก.107 จุด พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 94 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 15 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ น่าน 359 จุด เชียงใหม่ 350 จุด และแม่ฮ่องสอน 263 จุด
ค่าฝุ่นPM2.5ภาคเหนือน่าห่วง
สำหรับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือPM2.5พบว่าภาคเหนือ ยังคงน่าเป็นห่วงมาก เมื่อตรวจสอบจากแอพพลิเคชั่น“เช็คฝุ่น”รายชั่วโมง เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน พบหลายจังหวัดที่มีค่า PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน มีค่า PM 2.5 สูงกว่า 350 ไมโครกรัม (มคก.)/ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ตามด้วยเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ บึงกาฬ และหนองคาย ดังนั้น ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยและงดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจขณะที่ กทม.และปริมณฑล คุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง
28จังหวัดอ่วมฝุ่นPM2.5เกินค่า
ส่วนศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ พบว่าปริมาณฝุ่นPM2.5 ในประเทศไทย พบเกินค่ามาตรฐานใน 28 จังหวัดได้แก่ กทม. จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.พิษณุโลก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.ราชบุรี จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.อุดรธานี จ.นครพนม จ.หนองบัวลำภู และจ.มุกดาหาร
เหนือหนักทะลุ320/กทม.พุ่ง104
ส่วนผลการตรวจวัดรายภาคมีดังนี้ ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 35–320 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 7 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 34–115 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 35–63 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 17–38 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 11–23 มคก./ลบ.ม.ขณะที่ กทม.และปริมณฑล เกินค่ามาตรฐาน10พื้นที่ ตรวจวัดได้ 28–104 มคก./ลบ.ม.
‘เชียงใหม่’แชมป์อากาศแย่สุดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์สภาพอากาศใน จ.เชียงใหม่ พบว่ามีคุณภาพอากาศแย่เข้าขั้นวิกฤติต่อเนื่อง โดยพบจุดความร้อนจากการเผา 146 จุด ยอดจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งหมด8,571 จุด ซึ่งพบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์ มากที่สุดคือ อ.เชียงดาว อ.แม่แจ่ม และอ.แม่แตง ตามลำดับ
ทั้งนี้ เว็บไซด์ https://www.iqair.comรายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศ และการจัดการเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดของโลก US AQI พบว่า จ.เชียงใหม่ อยู่อันดับ 1 มีค่า 291 มคก./ลบ.ม.ซึ่งจากการรายงานคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ วันเดียวกัน พบเกินค่ามาตรฐานสูงกว่าวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา โดยมากที่สุดในพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว ที่เพิ่งประกาศเขตภัยพิบัติพบ PM2.5มีค่า 252 มคก./ลบ.ม.แต่ค่าสูงสูดของภาคเหนืออยู่ที่ อ.ปายมีค่า 356 มคก./ลบ.ม.
รองผู้ว่าฯเชียงใหม่จี้ติดเหตุไฟป่า
ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า อบจ.เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รอง ผวจ.เชียงใหม่ ประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นPM2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพบว่า จ.เชียงใหม่ มีจุดความร้อน 146 จุด สำหรับค่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีแดง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าความกดอากาศต่ำ อากาศนิ่ง มีลมอ่อน ทำให้การระบายอากาศไม่ดี ฝุ่นลอยอยู่ในระดับต่ำ
อุตุฯชี้จุดความร้อนสูง16-17เม.ย.
สถานีอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ รายงานว่าในห้วงวันที่7-9เมษายนนี้ อาจมีความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุมตอนบนของภาค บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งสภาพดังกล่าวจะช่วยให้กระแสลมบนมีความแรงมากขึ้น ช่วยให้อากาศยกตัวระบายฝุ่นควันออกจากพื้นที่ได้ ส่วนสถานการณ์จุดความร้อน คาดว่าจะถึงจุดสูงสุดช่วงวันที่ 16-17 เมษายนนี้ จากนั้นสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับฝุ่นและควันกระจายตัวอยู่เต็มพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ส่วนใหญ่มาจากการเผาในพื้นที่ป่า อ.สะเมิง อ.เชียงดาว อ.หางดงและอ.แม่ริมซึ่งมีการเผาข้ามคืนและยังไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด
จุดความร้อน‘เชียงดาว’พุ่งสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ใน อ.เชียงดาว พบว่าจุดความร้อนเพิ่มขึ้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและควบคุมจุดความร้อน 3 จุด บริเวณทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว และตรวจสอบจุดที่เกิดไฟป่าขึ้นอีก เพื่อป้องกันไฟไหม้ขึ้นไปบนดอยหลวงเชียงดาว ขณะที่ อ.แม่ริม เกิดไฟไหม 2วันแล้วมีกำลังเจ้าหน้าที่ 30 นาย เดินเท้าเข้าไปควบคุมสถานการณ์ จากการประเมินพบว่าเกินกว่าศักยภาพของกำลังพลจึงขอรับการสนับสนุนอากาศยานโปรยน้ำดับไฟ ขณะนี้หน่วยอากาศยานเตรียมพร้อมขึ้นบินปฏิบัติการทันที เมื่อวิสัยทัศน์ทางอากาศเปิด ส่วนที่ อ.หางดง ซึ่งมีจุดความร้อนเกิดขึ้นที่บ้านปงและบ้านน้ำซุ่ม ขณะนี้ทางสถานีควบคุมไฟป่าออบขาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง คาดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในวันเดียวกันนี้
ฝนหลวงบินทำงานหนักทุกวัน
ด้านนายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่แจ้งว่า หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้ขึ้นบินปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า และเติมน้ำให้เขื่อนกักเก็บโดยใช้เครื่องบินเกษตร CASA 4 ลำ มีพื้นที่เป้าหมายเป็นพื้นที่ป่า จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พื้นที่ลุ่มน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลและเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยจะทำการบินบรรเทาผลกระทบทุกวัน
ประกาศเขตภัยพิบัติฝุ่นควันเพิ่ม
นายชัชวาลย์ ปัญญา รอง ผวจ.เชียงใหม่ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกหน่วย ปฏิบัติงานอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในอำเภอโซนกลางและชั้นใน เนื่องจากหากเกิดฝุ่นควันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองเป็นวงกว้าง พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ดูแลสุขภาพประชาชน แจ้งเตือนให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง การใช้บริการห้องปลอดฝุ่นและสร้างความเข้าใจในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 เมษายน ทาง จ.เชียงใหม่ ออกประกาศเขตภัยพิบัติภัยฝุ่นควันไฟป่าเพิ่มเติมในพื้นที่ อ.เชียงดาว หมู่ 1,2,5,13 ต.เมืองนะ และหมู่ 2,4,6 ต.ทุ่งข้าวพวง ครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ที่เกิดไฟป่าเป็นวงกว้าง
ปลัดทส.ย้ำเร่งแก้ไฟป่าวิกฤต
วันเดียวกัน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่ส่งผลให้ปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง
ทั้งนี้ ไฟป่าที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหลักจากการจุดไฟเผา จึงกำชับทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชยกระดับการเฝ้าระวังรวมทั้งขอความร่วมมือผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการทำความเข้าใจกับประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านเพื่อให้ร่วมกันดูแลรักษาผืนป่า
วางกำลังพลเฝ้าระวัง-ลุยดับไฟ
ขณะที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้ป้องกัน เฝ้าระวังและแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันใน 17 จังหวัดภาคเหนืออย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในห้วงวิกฤติ โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเชิงรุก ไม่ให้มีการลักลอบเผาป่า ให้มีการหารือหน่วยงานท้องถิ่น ขอความร่วมมือไม่จุดไฟเผาเพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ลดปัญหาฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนยกระดับการเฝ้าระวังในเชิงรุก
ไฟป่า3วัน3คืน‘ภูสวนทราย’วอด
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดไฟป่าในพื้นที่ อ.นาแห้ว จ.เลย ภายหลังชาวบ้านมีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร และหาของป่า ทำให้ไฟลุกลามเป็นวงกว้างจนถึงเขตอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย เสียหายกว่า 1,000ไร่ โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และสถานีไฟป่าภูสวนทราย ทหารพรานที่ 2101 ผู้ใหญ่บ้าน ได้นำกำลังร่วมกับชาวบ้านห้วยน้ำผักช่วยกันดับไฟ โดยผลัดเปลี่ยนเวรกันเข้าไปดับไฟตลอดทั้งคืนทั้งวัน เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกลามไปยังแหล่งท่องเที่ยวและที่พัก
นายสาคร นาชัย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย เผยว่าตลอดช่วง 3วันไฟป่าเริ่มปะทุหลายจุดและลุกลามเข้าเขตอุทยานฯได้ระดมเจ้าหน้าที่และประสานหน่วยงานต่างๆดับไฟและผลัดกันเข้าเวรตลอด 24ชั่วโมง โดยมีการออกลาดตระเวนป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเผาไฟและหาของป่าด้วย สำหรับในเขตอุทยานฯ พบว่ายังคงมีพื้นที่ซึ่งไฟลุกลามอยู่ 3 จุดใหญ่ ได้มีการแบ่งกำลังออกไปดับไฟ พร้อมกับทำแนวกันไฟด้วย คาดว่าน่าจะดับได้ 1-2 จุด ในเร็วๆ นี้ แต่มีอุปสรรคคือเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน ประกอบกับสภาพอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ทำให้เขตป่าสงวนฯ เสียหายจำนวนมากจากพื้นที่อุทยานฯ ที่ครอบคลุมกว่า 73,225 ไร่ อย่างไรก็ดี ไฟป่าครั้งนี้ล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี