วช. หนุน มอ.วิจัย ยกระดับยางพารา สร้างสินค้าจากหวายเทียม วัสดุยางธรรมชาติ เทอร์โมพลาสติก สร้างรายได้ให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้
วันที่ 5 เมษายน 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นำคณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และ สื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการ “การพัฒนาวัสดุยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ BCG” เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานการประยุกต์ใช้องค์ความรู้งานวิจัยเป็นฐานเพื่อผลิตเป็นวัสดุจักรสานสำหรับเฟอร์นิเจอร์จากยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ตอบโจทย์ BCG Economy ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม “ยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก” ที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัย แก่ ดร.ณัฐพนธ์ อุทัยพันธุ์ รักษาการแทนรองผู้อำนวยการ โครงการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติยางพาราไทย-จีน ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการฯ โดยมี ศ.ดร.นันทรัตน์ นามบุรี คณบดีคณะวิทยาการจัดการ. คณะวิทยาการจัดการ ในฐานะหัวหน้าโครงการบริการโครงการชายแดนภาคใต้สู่ความสำเร็จ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.บดินทร์ รัศมีเทศรองเลขาธิการ ศอ.บต. รศ.ดร.เอกวิภู กาลกรณ์สุรปราณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมยางพารา และ รศ.ดร.ศุภศิลป์ มณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยียางเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการ “การพัฒนาวัสดุยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ BCG” เป็นผลงานของ ดร.ณัฐพนธ์ อุทัยพันธุ์ แห่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ วช. ให้การสนับสนุน เพื่อนำองค์ความรู้จากยางพาราที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้มาผสมกับขยะพลาสติก เพื่อผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือกระเป๋าสร้างรายได้แก่คนในชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ งานวิจัยนี้ถือเป็นการตอบโจทย์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วช. จึงให้ความสำคัญและพร้อมขับเคลื่อนงานวิจัยใหม่ ๆ ให้กับชุมชนต่อไป
ดร.ณัฐพนธ์ อุทัยพันธุ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีอาชีพเป็นเกษตรกรสวนยางพารา จึงดำเนินการวิจัยเพื่อยกระดับยางพารา ให้สามารถแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้มีความมั่นคงทางด้านรายได้ โดยทางทีมวิจัยได้จัดทำงานวิจัยเป็นเส้นหวายเทียม จากยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก เพื่อลดการใช้พลาสติก ซึ่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลในปัจจุบัน โดยขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมให้มีการแปรรูปหวายเทียมจากยาง สานเป็นกระเป๋าแฟชั่น และสินค้าอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์ตลาดสินค้าแฟชั่นภายในประเทศ พร้อมขยายเป็นอาชีพแก่กลุ่มคนเปราะบางในพื้นที่ ให้มีรายได้ที่ยั่งยืนในอนาคต
สำหรับยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก เป็นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแนวคิดในการลดปัญหาพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ลดการใช้ขยะพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ขยะจากบรรจุภัณฑ์อาหารและสินค้าบริโภคซึ่งมีการใช้งานมากขึ้นในปัจจุบัน โดยยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก สามารถแปรรูปได้ง่ายและเร็ว สามารถอัดรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
อนึ่ง คณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และสื่อมวลชน ได้เดินทางไปวิสาหกิจชุมชนจักสานยางพาราจังหวัดสตูล ตำบลป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูต เพื่อเยี่ยมชมการทำกระเป๋าและเฟอร์นิเจอร์ ที่ทำจากหวายเทียม โดยมี นางสาวสุชาดา นาคเล็ก ประธานวิสาหกิจชุมชนจักสานยางพาราจังหวัดสตูล ในการต้อนรับ และเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนจักสานยางพาราจังหวัดสตูล ว่า นักวิจัยได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงและคอยให้คำปรึกษา ทำให้รู้สึกว่าโครงการของ U2T เป็นโครงการที่ดี แต่ระยะเวลาสั้น ฉะนั้นทางกลุ่มไม่สามารถต่อยอดเพิ่มเติม จึงได้ไปเรียนรู้วิธีการสานเพิ่มเติมที่ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพราะทางนั้นชำนาญ และมีวิธีการสานที่ปราณีตและมีการเล่นรวดลายดีกว่า จนกลับมาที่กลุ่มก็สามารถสานเองได้ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย อาทิ กระเป๋าสาน เก้าอี้ และโต๊ะ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี