คุมเข้ม7วันอันตราย
มท.เปิดศูนย์ฯรับมืออุบัติเหตุ
ย้ำสงกรานต์ปลอดภัย11-17เม.ย.
ตั้งเป้าลดยอดเจ็บ-ตายให้ได้5%
‘บิ๊กตู่’มาแรงคนกรุงอยากสาดน้ำ
มท.1 ตีปี๊บลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) รองรับการเดินทางของประชาชนอย่างปลอดภัย คุมเข้ม 7 วันอันตรายระหว่าง 11-17 เม.ย. ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุ เจ็บตายลง 5% เทียมกับ 3 ปีก่อน โพลล์ชี้ “บิ๊กตู่”ยังมาแรง คนกรุงอยากเล่นน้ำด้วย แซง “ชัชชาติ” “ชูวิทย์”มาอันดับ 3
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ศปถ. ครั้งที่ 1/2566
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานตต์ ประจำปี 2566 ศปถ.พร้อมบูรณาการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อให้ประชาชนเดินทางช่วงวันหยุดสงกรานต์อย่างปลอดภัย เพราะช่วงหยุดยาวประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ ศปถ.กำหนดนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
“ปีนี้คาดว่าจะมีการเดินทางมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น จึงมอบหมายให้ ศปถ. บูรณการหน่วยงานทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ กำหนดช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ปีนี้เป้าหมายลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติเทศกาลเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง”พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
และว่า รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนครอบคลุมทุกมิติ ทั้งคน รถ ถนน และสภาพแวดล้อม เน้นบังคับใช้กฎหมายและกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่อย่างจริงจัง คุมเข้มความปลอดภัยของยานพาหนะทุกประเภท ทั้งสภาพรถ อุปกรณ์นิรภัย ความพร้อมของพนักงานขับรถ รวมถึงกวดขันรถกระบะที่บรรทุกน้ำหนักเกินและรถบรรทุกขนาดเล็กที่บรรทุกผู้โดยสารลักษณะเสี่ยง พร้อมเฝ้าระวังป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยควบคู่กับการดำเนินมาตรการตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดย ศปถ. จะแถลงข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ 2566 ในวันที่ 12-18 เมษายน เป็นประจำทุกวัน เวลาประมาณ 11.00 น. ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ช่วง 7 วันอันตราย 11-17 เมษายน ซึ่งคาดว่า ประชาชนจะเดินทางออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนาไปเที่ยวสงกรานต์มากสุดวันที่ 12 และ 13 เมษายน โดยช่วงวันเสาร์ที่ 8 และ 9 เมษายนที่ผ่านมา มีประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางออกต่างจังหวัดบ้างแล้ว ส่วนขากลับประเมินว่า ประชาชนจะเดินทางมากสุดวันที่ 16-17 เมษายน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คาดการณ์เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีรถบนถนนมากกว่าสงกรานต์ปี 2565 ประมาณร้อยละ 5-6 จึงกำชับให้ทุกฝ่ายอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนเดินทางได้คล่องตัว พร้อมวางมาตรการห้ามรถบรรทุกวิ่งในช่วงที่ประชาชนเดินทาง รวมทั้งเปิดช่องทางพิเศษ ในจุดที่การจราจรติดสะสมทั้งขาไปและกลับ
ส่วนการรักษาความปลอดภัยให้สำรวจพื้นที่จัดงานสงกรานต์ขนาดใหญ่เพื่อวางมาตรการดูแลความปลอดภัย สำหรับรถบรรทุกน้ำขับตระเวนเล่นสงกรานต์เป็นมาตรการที่แต่ละจังหวัดจะสั่งดูแลกันเอง ในส่วนกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งห้ามนำรถกระบะบรรทุกน้ำขับตระเวนสาดน้ำเด็ดขาด โดยจะตั้งจุดตรวจ – จุดสกัด ป้องปราบเข้มงวด ทั้งนี้ สถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตช่วง 7 วันอันตราย ตร.ตั้งเป้าให้ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงเพิ่มเติมว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดยาวประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัด รวมถึงท่องเที่ยว รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน เชิญชวนประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจ เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสช่วงไม่มีคนอยู่บ้านเข้าไปลักขโมยทรัพย์สินในบ้าน ทั้งนี้ รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผ่านโครงการ “ฝากบ้านไว้กับตำรวจ” ทางแอปพลิเคชัน “ฝากบ้าน 4.0” ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชนช่วงสงกรานต์ 2566
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ของคนกรุงเทพมหานคร มีข้อมูลน่าสนใจว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญในเทศกาลสงกรานต์ ร้อยละ 75.9 ทราบว่าวันที่ 13 เมษายนทุกปีเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ร้อยละ 67.6 ทราบว่าวันที่ 14 เมษายนทุกปีเป็นวันครอบครัว ร้อยละ 72.7 และคิดว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มีผลต่อการรวมตัวของผู้คนช่วงสงกรานต์ ร้อยละ 63.3 นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าจะออกไปร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ ร้อยละ 65.7 โดยกิจกรรมสงกรานต์ที่จะไปร่วมอันดับหนึ่งคือ ทำบุญตักบาตร รองลงมาคือ รดน้ำผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ เล่นน้ำ และขนทรายเข้าวัด
กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นของประชาชนเรื่อง “การเที่ยวสงกรานต์ของคนกรุง” เก็บข้อมูลจากประชาชนในกรุงเทพฯ 1,202 คนระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 2 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า คนกรุงส่วนใหญ่ร้อยละ 73.5 เห็นว่าสงกรานต์ปีนี้น่าจะคึกคักมากถึงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกิจกรรมที่ตั้งใจทำในวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ปีนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 59.4 ระบุว่า ทำบุญตักบาตร /สรงน้ำพระ เนื่องในวันปีใหม่ไทย รองลงมาร้อยละ 41.1 ระบุว่า พบปะสังสรรค์ญาติเพื่อนฝูง และ รดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ ตามลำดับ สำหรับคนดังในสังคมที่คนกรุงเทพฯอยากชวนไปเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยมากที่สุด ร้อยละ 11.1 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาร้อยละ 10.4 คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ7.0 คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร้อยละ 5.6 คือ ลิซ่า blackpink และร้อยละ 4.5 คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี