ผศ.ดร.นฤมล ตันติพิษณุ นักวิจัยจากสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่าตนเอง และ นายอนุชา ขำจริง ได้ทำวิจัยโครงการประเมินภัยคุกคาม และการจัดลำดับความสำคัญของการจัดการเพื่อการอนุรักษ์นากอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งภาคใต้ของประเทศไทยฝั่งอันดามัน 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง สตูล เพื่อศึกษาภัยคุกคามที่ทำให้ประชากรนากลดลง ประเมินพื้นที่ที่มีระดับภัยคุกคามรุนแรง และเสนอแนวทางการจัดการที่เหมาะสมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ประมาณร้อยละ 20 ของหมู่บ้านที่สำรวจมีระดับภัยคุกคามในระดับสูงและสูงมากต่อการอยู่รอดของนาก และสมควรกำหนดเป็นพื้นที่ที่ต้องการการจัดการเร่งด่วน (Conservation hotspot) ในหลายตำบลของจังหวัดพังงา ตรัง สตูล และกระบี่ ตามลำดับ จากการศึกษาพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีนากเล็กเล็บสั้นและนากใหญ่ขนเรียบถูกฆ่าเพื่อนำเนื้อมากิน ถูกฆ่าเนื่องจากสร้างปัญหาให้มนุษย์ ถูกสุนัขกัด ถูกรถชน และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการถูกนำมาเลี้ยง
นายอนุชากล่าวว่า “จากการสำรวจในระหว่างพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึงกรกฎาคม พ.ศ.2564 พบว่า มีนากมากกว่า 67 ตัว ถูกนำมาเลี้ยง มีอย่างน้อย 7 ตัว ที่โดนฆ่าเพื่อนำมาประกอบอาหาร อย่างน้อย 4 ตัวที่โดนฆ่าเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งกับมนุษย์ อย่างน้อย 7 ตัวที่ตายจากโดนสุนัขกัด และอย่างน้อย 3 ตัวที่ตายจากโดนรถชน ซึ่งการลดจำนวนนากจากประชากรหลักในธรรมชาติด้วยภัยคุกคามเหล่านี้อาจส่งผลกระทบให้จำนวนนากในธรรมชาติลดลงจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในระดับท้องถิ่น
นายอนุชากล่าวต่อไปว่าบางคนเห็นจากคลิปก็คิดว่านากน่ารักจึงอยากเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งความจริงเป็นความเข้าใจผิด เมื่อนากโตขึ้นก็ไม่ได้น่ารักเหมือนลูกนาก นอกจากนี้อาหารที่คนเลี้ยงไม่ใช่ปลา ปู หรือกุ้งสดๆ แต่กลับเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วไป เช่น ข้าว ไข่ทอด ไก่ทอดลูกชิ้นทอด ไส้กรอก อาหารคน อาหารแมว ซึ่งนอกจากจะทำให้อ้วนเกินไปแล้วยังทำให้นากมีอายุสั้น และนากที่นำมาเลี้ยงไม่สามารถขยายพันธุ์ในรุ่นต่อไปได้ ส่งผลให้จำนวนประชากรนากในธรรมชาติลดลง เพราะนากที่นำมาเลี้ยงทั้งหมดล้วนลักลอบนำออกมาจากพื้นที่ธรรมชาติ
“เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากการศึกษาเพื่อหาแนวทางการจัดการที่เหมาะสม ทางคณะวิจัยมีแผนจะดำเนินการต่อภายใต้โครงการวิจัยการวางแผนการจัดการอนุรักษ์สัตว์ผู้ล่าขนาดเล็กในพื้นที่ชุ่มน้ำภาคใต้เพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์อย่างยั่งยืนแล้ว การทำให้คนในสังคมไทยได้ตระหนักว่า “นากไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” ก็เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทำอย่างจริงจัง เพื่อให้สัตว์ผู้ล่าขนาดเล็กชนิดนี้ สามารถทำหน้าที่ของมันในธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ และเป็น
ส่วนหนึ่งของระบบนิเวศชายฝั่งที่สมบูรณ์และเป็นแหล่งทรัพยากรให้กับคนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน”นายอนุชาทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี