กรมอุตุฯเตือนอากาศร้อนจัด 5 จังหวัดดัชนีความร้อนพุ่งระดับ “อันตราย” สูงสุด 52 องศา เขตบางนา กทม.ส่วน 19 เมษายน “ทองผาภูมิเมืองกาญจน์ - แหลมฉบัง ชลบุรี –ภูเก็ต” ทะลุ 50 องศา ในระดับ
“อันตราย” ขณะที่ภาพรวมค่าฝุ่น หมอกควันทั่วปท.อยู่ในระดับสะสมมาก เพราะอากาศปิด โดยเชียงใหม่ ติดอันดับ1 ใน5เมืองใหญ่คุณภาพอากาศแย่ ตรวจพบจุดความร้อนมากที่สุดในประเทศไทย272จุด
เมื่อวันที่ 18 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศเตือน “อากาศร้อนจัด” โดยสภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนทั่วไป มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด รวมถึงระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมาก เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี ส่วนภาคใต้มีการสะสมน้อย เนื่องจากการระบายอากาศบริเวณดังกล่าวยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ทั้งนี้ กรมอุตุฯคาดหมายค่าดัชนีความร้อน ระดับเฝ้าระวังเตือนภัยผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน วันที่ 18 เมษายน 2566 แยกรายภาคพบว่า ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 49.5 องศาเซลเซียส อยู่ในระดับ”อันตราย” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 44.7 องศาฯ อยู่ในระดับ”อันตราย” ภาคกลาง เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 52.3 องศาฯ อยู่ในระดับ”อันตราย” ภาคตะวันออก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 48.9 องศาฯ อยู่ในระดับ”อันตราย” ภาคใต้ จ.ภูเก็ต ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 50.7 องศาฯ อยู่ในระดับ “อันตราย”
สำหรับการคาดหมายค่าดัชนีความร้อนประจำวันที่ 19 เมษายน แยกเป็นรายภาค ได้แก่ เพชรบูรณ์ 47.5 องศาฯ โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม 45.1 องศาฯ ทองผาภูมิ กาญจนบุรี 51.5 องศาฯ แหลมฉบัง ชลบุรี 50.2 องศาฯ ภูเก็ต 51.1 องศาฯ ซึ่งทุกจังหวัดค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับ “อันตราย”
นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่ 06:00 น.วันนี้ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ (19 เมษายน) กรุงเทพและปริมณฑลอากาศร้อน มีฟ้าหลัวตอนกลางวัน มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัด มีฟ้าหลัวตอนกลางวัน มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ มีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจ.ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิสูงสุด 42 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อน มีฟ้าหลัว อากาศร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่มีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจ.เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา และบุรีรัมย์ อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง อากาศร้อนมีฟ้าหลัว อากาศร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และสมุทรสาคร อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออก อากาศร้อนมีฟ้าหลัว มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจ.ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ภาคใต้ อากาศร้อน มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ บริเวณจ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ภาคใต้ฝั่งตะวันตก อากาศร้อน มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจ.ระนอง ตรัง และสตูล อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส
ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้ารายงานการตรวจจุดความร้อนประจำวันของไทยว่า ไทยพบจุดความร้อน 1,274 จุด ขณะที่เมียนมาครองแชมป์จุดความร้อนมากที่สุดอันดับหนึ่งอยู่ที่ 4,489 จุด ลาว 1,673 จุด เวียดนาม 319 จุด กัมพูชา 28 จุด และมาเลเซีย 17 จุด ทั้งนี้ จุดความร้อนในประเทศไทยพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 539 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 479 จุด พื้นที่เกษตร 141 จุด พื้นที่เขต สปก. 69 จุด พื้นที่ชุมชนอื่น 43 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับคือ เชียงใหม่ 272 จุด เชียงราย 265 จุด และแม่ฮ่องสอน 88 จุด ขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ยังเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับสีส้มไปจนถึงสีแดงหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะจ.เชียงราย ค่าฝุ่นอันดับหนึ่งอยู่ 173 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ เชียงใหม่ 135 มคก./ลบ.ม. และแม่ฮ่องสอน 132 มคก./ลบ.ม.
ส่วนศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า พบจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวัน จ.เชียงใหม่พบจุดความร้อน 83 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงปัจจุบันทั้งหมด 11,858 จุด ยังเกิดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ เขตสปก. และพื้นที่ชุมชนและอื่น อ.ฝางพบจุดความร้อนมากที่สุด 25 จุด มี 3 อำเภอพบ 8 จุดเท่ากันอ.พร้าว แม่อายและเชียงดาว โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงวันนี้ (18 เมษายน) พื้นที่พบจุดความร้อนมากที่สุด ป่าอนุรักษ์ 6,893 จุด เขตป่าสวนแห่งชาติ 4,575 จุด เขตสปก. 222 จุด พื้นที่ชุมชน 124 จุด พื้นที่การเกษตร 42 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด มีพื้นที่เสียหายกว่าแสนไร่
สำหรับการตรวจวัดคุณภาพของกรมควบคุมมลพิษ เว็บไซต์ http://air4thai.com พบค่าฝุ่น PM 2.5 44-190 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พื้นที่มีค่าฝุ่นมากที่สุด อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน 190 ไมโคกรัม รองลงมาที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 143 ไมโครกรัมและต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ PM 2.5 มีค่า 134 ไมโครกรัม พื้นที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีค่าเท่ากัน 102 ไมโครกรัม ส่วนพื้นที่กลางเมืองเชียงใหม่ ตำบลศรีภูมิ มีค่า 92 ไมโครกรัมและพื้นที่ดอยสุเทพ มีค่า 76 ไมโครกรัมเกินมาตรฐาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี