‘อัมพร’ มอบนโยบาย เขตพื้นที่ฯ-โรงเรียนทั่วประเทศ เตรียมรับเปิดเทอม 15 พ.ค.นี้ พร้อมกำชับโรงเรียนสื่อสาร นร.-ผู้ปกครอง ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวัดให้มีการตรวจสอบ-ป้องกัน
วันที่ 26 เมษายน 2566 นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึฏษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ให้กับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สทพ.) และผู้อำนวยการโรงเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ว่า เมื่อปีที่ผ่านมาเราได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออาคารสถานที่ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต และสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆจึงอยากให้เขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนนำสิ่งเหล่านี้มาทบทวนว่าปีที่ผ่านมามีอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลผลิตหรือตัวผู้เรียนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และถ้าเราจะจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม ในภาคเรียนที่ 1/2566 จะเตรียมการอย่างไร เพื่อทันการเปิดเทอม วันที่ 15 พฤษาคม นี้
นายอัมพร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อยากให้เขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน 4 ประเด็น คือ 1.ทำให้โรงเรียนมีความปลอดภัย และมีความสุขทั้งครูและนักเรียน โดยให้ไปตรวจสอบและประเมินว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้นักเรียนและครู ไม่ปลอดภัย และจะมีวิธีร่วมมือกับหน่วยงานต่าๆอย่างไร เพื่อจะทำให้โรงเรียนมีความปลอดภัย 2.การสร้างโอกาสทางการศึกษา แม้ขณะนี้เราผ่านพ้นช่วงเวลาการรับนักเรียนมาแล้ว แต่ทุกโรงเรียนจะต้องสามารถวิเคราะห์ได้แล้วว่า มีนักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการมาเข้าเรียนในโรงเรียนจำนวนเท่าไหร่ ไปเรียนที่อื่นเท่าไหร่ และการรับนักเรียนของตนลดหรือเพิ่มขึ้น หากวิเคราะห์ได้แล้วจะสามารถวางทิศทางอนาคตในการให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียนได้ โดยมีเป้าหมายว่าเด็กจะต้องได้เรียนทุกคน อีกทั้ง ปัจจุบันพบข่าวว่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อาจจะกลับมาแพร่ระบาดอีก จึงอยากให้โรงเรียนสื่อสารกับนักเรียน ผู้ปกครองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สธจ.)ให้มีการตรวจสอบและป้องกัน เพื่อไม่ให้โรงเรียนเป็นศูนย์รวมของการระบาดเหมือนปีที่ผ่านมา
“3.เตรียมความพร้อมเรื่องการจัดการเรียนรู้ โดยวางแผนเรื่องการจัดทำหลักสูตร และวางแผนจัดครูเข้าชั้นเรียนอย่างไร ให้นักเรียนได้รับคุณภาพการศึกษาที่มากขึ้น อีกทั้ง ช่วงนี้เป็นฤดูโยกย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น เขตพื้นที่ฯต้องวิเคราะห์ว่ามีการย้ายเข้า-ย้ายออก เท่าไหร่ โรงเรียนจะมีผู้บริหารและครูครบหรือไม่ การเปิดภาคเรียนที่ 1/2566 นี้ จะเกิดวิกฤตอะไรบ้าง โดยเขตพื้นที่ฯ จะต้องเตรียมการให้เข้ากับสภาพปัญหาและบริบทที่มีอยู่ และ 4.การเตรียมความพร้อมอาคารสถานที่ และการจัดการเรียนการสอน โดยเขตพื้นที่ฯ จะต้องสำรวจว่าแต่ละโรงเรียนต้องการความช่วยเหลือด้านใดบ้าง และเขตพื้นที่ฯ จะแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้มาช่วยเหลือแต่ละโรงเรียนอย่างไร“ นายอัมพร กล่าว
นายอัมพร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ประจำเขตพื้นที่การศึกษา มีเวลาพิจารณาโยกย้ายครูถึงวันที่ 30 เมษายน นี้เท่านั้น หากเกินวันที่ 30 เมษายนแล้ว อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ จะไม่สามารถพิจารณาย้ายได้แล้วเนื่องจากขัดกับหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)กำหนด อีกทั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ.มีมติปรับปรุงรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คือ กำหนดระยะเวลาสอบภาค ค ไม่เกิน 20 นาที ต่อผู้สมัครหนึ่งราย และให้อำนาจ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ เป็นผู้บริหารจัดการเกี่ยวกับการจัดสอบ สอบ ภาค ก และ ภาค ข ซึ่ง สพฐ.คาดว่าจะจัดสอบเป็นคลัสเตอร์ตามภูมิภาค โดยจ้างสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญมาออกข้อสอบ ดังนั้น เมื่อ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการย้ายครูถึงวันที่ 30 เมษายน ครบถ้วนแล้ว สพฐ.จะมีหนังสือสำรวจไปยังเขตพื้นที่ฯ ว่าแต่ละเขตพื้นที่ฯ ต้องการสอบครูจำนวนเท่าไหร่ และต้องการวิชาเอกอะไรบ้าง เพื่อให้ สพฐ.วางแผนจัดสรรงบประมาณไปให้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี