‘แม่ทัพภาคที่ 3’ประชุม ศอ.ปส.ชน.สรุปภารกิจครึ่งปีแรก ยึดยาบ้า 51 ล้านเม็ด
26 เมษายน 2566 พล.ท.สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) ประจำปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1 (รอบ 6 เดือน ห้วง 1 ต.ค. 65 - 31 มี.ค. 66) ที่ห้องประชุม Convention 1 - 2 โรงแรมวินทรี ชิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , นายสานิตย์ อ่อนเปี่ยม ผู้อำนวยการส่วนกิจการโครงการพิเศษสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ในห้วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 65 - มี.ค. 66) ศอ.ปส.ชน. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ (จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และพะเยา) โดยมีการจับกุมจำนวน 241 ครั้ง สามารถตรวจยึดยาบ้า จำนวน 51,562,885 เม็ด, ไอซ์ 1,296.67 กก., เฮโรอีน 6.73 กก., ฝิ่นดิบ 60.09 กก., เคตามีน 300 กก. และผู้ต้องหารวม 249 คน เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2565 พบว่า ผลการจับกุม/ตรวจยึด ยาบ้าและไอซ์ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50
ถึงแม้ Ephedrine/Pseudoephedrine และ P-2-P จะยังคงสารตั้งต้นหลักในการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ไอซ์และยาบ้า) แต่เนื่องจากสารดังกล่าว เป็นสารเคมีควบคุมตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1988 ทำให้ยากต่อการจัดหาและขนส่ง ปัจจุบันพบว่า กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดใช้สารเคมีชนิดอื่น เช่น สารเบนซิลไซยาไนด์ (C8H7N), สารเบนซิลคลอไรด์ (C7H7Cl) นำมาเป็นสารตั้งต้นเพื่อใช้ในการผลิตยาเสพติดแทน โดยเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ตรวจยึดและอายัด สารเบนซิลไซยาไนด์ จำนวน 25,000 กก. ที่ ด่านศุลกากรแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า สารดังกล่าวถูกส่งมาจากประเทศอินเดีย โดยบริษัทสัญชาติจีนเป็นผู้สั่งซื้อ เพื่อนำผ่านประเทศไทยทางท่าเรือแหลมฉบังไปยังประเทศเมียนมา แต่เนื่องจากสารเคมีบางชนิดอาจอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน ซึ่งอาจเป็นการยากในการควบคุม ศอ.ปส.ชน. ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้บูรณาการหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจและกำหนดทิศทางในการแก้ไขปัญหา ทั้งยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจการนำเข้า/ส่งออก และการนำไปใช้ ของบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรมที่มีสารเคมีควบคุมในความคอบครอง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องปรามการลักลอบลำเลียงสารเคมีออกนอกประเทศไปใช้ในการผลิตยาเสพติด
นอกจากภารกิจในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดแล้ว แม่ทัพภาคที่ 3 มีนโยบายในการบำบัด ผู้ติด/ผู้เสพเสพยาเสพติด ซึ่งสอดคล้องกับสาระสำคัญของประมวลกฎหมายยาเสพติดที่กำหนดให้ผู้เสพคือผู้ป่วย มีขั้นตอนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยศูนย์คัดกรองระดับตำบล จะคัดกรองปัญหาการใช้ยาเสพติดพร้อมให้การช่วยเหลือและส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามความหนักเบาของปัญหา และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้ว จะถูกส่งไปยังศูนย์ฟื้นฟูสภาพสังคมเพื่อส่งเสริมอาชีพ การศึกษา และสวัสดิการทางสังคม ที่ผ่านมา ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการค้นหา คัดกรอง ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
สถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังคงมีความรุนแรง เนื่องจากมีปริมาณสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เข้าสู่แหล่งผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเครือข่ายยาเสพติดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยยาบ้าและไอซ์ ยังคงเป็นยาเสพติดหลักที่แพร่ระบาด อีกทั้ง ยังควรเฝ้าระวังการใช้เฮโรอีนในกลุ่มผู้เสพในพื้นที่ตัวเมือง และสารเสพติดรูปแบบใหม่ กลุ่ม Club drugs เช่น Happy water ในกลุ่มนักเที่ยวสถานบันเทิง ทั้งนี้ จากสถิติการจับกุมคาดว่าการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย มีแนวโน้มการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าทางด้านทิศตะวันตะวันออกเฉียงเหนือลดลง สำหรับพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังคงเป็นพื้นที่หลักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด นอกจากนี้ ยังควรต้องเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดด้านทิศตะวันตกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี