‘มนพร’ผู้สมัครสส.นครพนม‘เพื่อไทย’เดินเท้าหาเสียงเคาะประตูบ้าน ปลุกแลนด์สไลด์ 4 เขต

27 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่า บรรยากาศหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ของผู้สมัครพรรคการเมืองต่างๆนับวันยิ่งเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่เขต 2 มี อ.ท่าอุเทน อ.โพนสวรรค์ และ อ.เมืองนครพนม (เฉพาะ ต.ในเมือง ต.หนองแสง ต.อาจสามารถ ต.นาราชควาย ต.หนองญาติ และตำบลท่าค้อ)  เป็นที่น่าจับตามองมากที่สุด เพราะเป็นเขตเลือกตั้งที่มีแม่ทัพของพรรคการเมือง 2 ฝั่ง คือ พรรคเพื่อไทย ดร.มนพร เจริญศรี หรือเดือน และฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว โดยแม่ทัพทั้ง 2 ฝ่ายต้องสู้ศึกเลือกตั้งชิงตั๋วเข้าสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ ดร.มนพร เจริญศรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย แชมป์ 4 สมัย ฉายาผู้แทนหญิงแกร่ง หรือแม่ใหญ่จ่อย หัวใจใหญ่กว่าตับ เปิดเกมรุก เน้นเวทีปราศรัยย่อย ไม่เน้นเวทีปราศรัยใหญ่ เพราะเข้าถึงทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 152 หมู่บ้าน 20 ตำบล และ 25 ชุมชนเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยใช้วิธีการเดินเท้าเคาะประตูบ้าน แนะนำตัวชูนโยบายของพรรคเพื่อไทย สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาน เกี่ยวกับการแก้ปัญหาปากท้อง การพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การศึกษา และแก้ปัญหายาเสพติด เพราะเชื่อว่าปัจจุบันความต้องการของประชาชนที่คาดหวังให้รัฐบาลชุดใหม่เข้าไปแก้ไข คือความยากจน ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงยาเสพติดเป็นหลัก 

ดร.มนพร เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเน้นที่สุดคือการเข้าถึงประชาชน เน้นการหาเสียงแบบเดินเท้า พบชาวบ้านทุกชุมชน หมู่บ้าน นอกจากจะเป็นการนำนโยบายเข้าถึงประชาชน ยังได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต้องยอมรับว่านโยบายพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ชาวบ้านมากที่สุด เนื่องจากการลงพื้นที่ส่วนใหญ่ ความต้องการของชาวบ้านในปัจจุบัน ที่ต้องการให้แก้ไขมากที่สุด คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน รายได้น้อย ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ และปัญหายาเสพติด โดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีการแก้ไข จึงเป็นสิ่งพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชน ได้รับรู้ถึงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดเดิม มาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้เชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ จ.นครพนมทั้ง 4 เขต จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เนื่องจากอยู่เคียงข้างประชาชน อยู่เคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยมาตลอด และไม่เคยไปสนับสนุนพรรคฝ่ายเผด็จการ

นอกจากนี้ในช่วงที่เคยเป็นรัฐบาล สามารถทำนโยบายสำเร็จมาทุกด้าน ในการเลือกตั้งครั้งนี้เชื่อมั่นว่าจะต้องแลนด์สไลด์ในพื้นที่ จ.นครพนม ทั้ง 4 เขต และเชื่อว่าไม่มีประชาชนคนไหน ที่จะไปสนับสนุนฝ่ายเผด็จการเข้ามาทำงานเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะชาวบ้านรอคอยมานานกว่า 8 ปี ถึงเวลาที่จะต้องยึดอำนาจประชาชน และสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์