"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ขึ้นเวทีปราศรัยที่ตราดประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี จับมือพรรคฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล ยาหอมชาวตราดหากเลือก"ศักดินัย นุ่มหนู"เข้าไปเป็น ส.ส.จะให้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรมาดูแลการประมง ให้ "ศิริกัญญา ตันสกุล" คุมกระทรวงการคลัง คุมเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 พ.ค.66 ที่บริเวณลานข้างโรงเรียนอนุบาลตราด หน้าสนามหลวงจังหวัดตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมปราศรัยหาเสียงให้กับนายศักดินัย นุ่มหนู ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตราด โดยนายพิธา เดินทางมาโดยเครื่องบินถึง จ.ตราด เวลา 12.30 น.ก่อนเดินทางมาร่วมแห่หาเสียงในตัวเมืองตราด ก่อนเข้ามาเวทีปราศรัยได้มีชาวตราดโดยเฉพาะเยาวชนกว่า 500 คนมารอฟังการปราศรัยท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยกลุ่มเยาวชนได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูป นำพวงมาลัยมามอบให้กับนายพิธา ขณะที่บางคนนำลูกโป่งสีส้มมาเป็นสัญญลักษณ์มอบให้นายพิธา ด้วย
โดยนายศักดินัย นุ่มหนู ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยหาก่อน จากนั้นนางเบญจา แสงจันทร์ กรรมการพรรคฯ นางศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฯ ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ขึ้นกล่าวปราศรัยในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของประเทศและของจังหวัดตราด โดยเฉพาะปัญหาเรื่องประมงที่เป็นปัญหาในระดับประเทศ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลได้ให้ความสนใจและได้เสนอ พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ซึ่งนายศักดินัย นุ่มหนู ได้เป็นผู้เสนอร่างไปแล้วจึงต้องการให้ชาวตราดเลือกนายศักดินัย นุ่มหนู เข้าไปเป็น ส.ส.ตราดอีกครั้งเพื่อแก้ไขปัญหาของชาวประมง นอกจากนี้ประเทศชาติกำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวตราดและทุกคนของประเทศไทยได้
จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่า การเดินทางมาจังหวัดตราดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อต้องการให้ชาวตราดเลือกตัวตึงอย่างนายศักดินัย นุ่มหนู เข้าไปเป็น ส.ส.ตราดอีกสมัยเพื่อทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล และเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายศักดินัย นุ่มหนู นับเป็น ส.ส.ตราดที่เป็นความภาคภูมิใจของพรรคก้าวไกล และมีผลการทำงานกับพรรคก้าวไกลอย่างดี และสามารถผลักดันปัญหาเรื่องประมงของประเทศด้วยการออก พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ได้สำเร็จ แต่ยังค้างอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจำเป็นจะต้องให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาประมงให้ยุติลงจากที่รัฐบาล พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ทำให้ธุรกิจประมงไทยต้องล่มสลายเพราะไปเอากฏหมาย IUU มาเล่นงาน ดังนั้น หากนายศักดินัย นุ่มหนู ได้เข้าไปเป็น ส.ส.ตราดอีกครั้งและพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะต้องตั้งให้นายศักดินัย นุ่มหนู เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและดูแลกรมประมงเพื่อแก้ไขในเรื่องนี้
"ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและจังหวัดตราดจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว การเกษตรก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำผลผลิตทางการเกษตรขายนักท่องเที่ยวและเมื่อมีราคาตกก็จะทำการแปรรูปให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น รวมทั้งเรื่องการเปิดประตูการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านก็จะทำให้เกิดผลดีต่อจังหวัดตราดและในระดับประเทศด้วย ซึ่งทางพรรคมีมือทางเศรษฐกิจอย่างนางศิริกัญญา ตันสกุล ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจก็จะให้คุมกระทรวงการคลัง คุมเศรษฐกิจของประเทศ ซี่งบุคคลากรของพรรคก้าวไกลมีความพร้อมในทุกด้าน" นายพิะา กล่าว
พร้อมกล่าวต่อว่า "ส่วนเรื่องความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรนั้น ผมพร้อมและมีความพร้อมทั้งในเรื่องประสบการณ์ต่างประเทศ และชนบทในต่างจังหวัด พร้อมที่จะบริหารทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และเข้าใจที่เป็นคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ เพราะฉะนั้นทั้งคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ภาครัฐ เอกชน ผมคิดว่า ทีมงานพรรรคก้าวไกล พร้อมที่จะส่งพวกเราเข้าสู่ธรรมเนียมรัฐบาล"
นายพิธา กล่าวทิ้งทายว่า เมื่อทุกคนเลือกพรรคก้าวไกล และเลือกนายศักดินัย นุ่มหนู เป็น ส.ส.ตราด และพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ซึ่งเมื่อมีพรรคก้าวไกลจะไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ เด็ดขาด ขอให้ทุกคนกลับบ้านแล้วออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมแล้วเลือกพรรคก้าวไกล ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลทุกคน เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น
สำหรับประเด็นการให้สัมภาษณ์สื่อนั้น นายพิธา กล่าวว่า โพลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจำนวนที่ออกมามากถึง 160 คนนั้นนับว่าเป็นเป้าหมายที่ทางพรรคก้าวไกลได้วางไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายที่ทางพรรคมียุทธศาสตร์เคลื่อนการหาเสียงไปรวมกันที่กรุงเทพฯ น่าจะทำให้มีกระแสความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางพรรคก้าวไกลพยายามที่จะรักษากระแสความนิยมไว้ ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่ใช่กระแสมีเพียงในออนไลน์เท่านั้น แต่จะมีกระแสในภาคพื้นด้วย
"การจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายค้านปัจจุบัน ที่จะจับมือรวมก้าวไกล เพื่อไทย รวมถึงพรรคเสรีรวมใจไทย พลังประชาชาติ คิดว่าถ้าได้รวมจำนวนก็จะเกินกว่า 300 สามารถที่จะป้องกันอุบัติเหตุ ป้องกันวิชามาร เกินมา 50 คนที่จะมีกระบวนการต่างๆ มา แต่ถ้าเกินมา 50-60 เสียง โอกาสที่จะมีเกิดอุบัติเหตุ เนี่ยมันจะเล็กมากเมื่อเทียบกับวาระโอกาสของประชาชน เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดวาระของประชาชนเป็นเหมือนมหาสมุทร แต่คนโกงเป็นแค่หยดน้ำเท่านั้นในมหาสุมทร ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของฝ่ายรัฐ กลโกง ไม่ว่าจะซื้อสิทธิ์ขายเสียงและอะไรก็แล้วแต่ก็จะไม่เหมือนเดิมและเชื่อว่าการเมืองไทยไม่เหมือนเดิม ถ้าคนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเยอะๆ ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาจากฝั่งรัฐบาลว่าจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้นก็มีความเป็นไปได้ แต่หากน้อยกว่าฝ่ายค้านมากๆ ก็จะไม่เหมาะสม และประชาชนจะเป็นผู้กดดันเอง ขณะที่วุฒิสภานั้น ส.ว.ปี 62 กับ ปี 66 ไม่เหมือนเดิม ปี 62 มีเวลา 5 ปี ปี 66 มีเวลา 1 ปี ปี 62 กับปี 66 ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดเยอะ และหลายคนได้ออกมาบอกแล้วว่า ถ้ารวมเสียงได้กึงหนึ่งกว่า 251 ฝืนเสียงของประชาชนได้
นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลประเทศไทยจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น คนไทยเท่าเทียมกัน คนไทยเท่าทันโลก อยากจะให้คนไทยมีความหวังว่าคนไทยมันเท่ากันได้และประเทศไทยก็จะไล่กวดกับนานาชาติ ให้คนไทยกับมาก้าวนำโลกได้เหมือนเดิม - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี