“บิ๊กเด่น”เอาจริง! ส่งชุดสืบฯ สตม.ประสานข้อมูล“ตำรวจจีน”รับแบล็กลิสต์ จัดทำระบบ กวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทา หลบหนีใช้ไทย เป็นฐานกระทำความผิด และ ติดตามจับกุม ส่งดำเนินคดีที่จีน

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.วางแนวทางมาตรการในการแก้ปัญหาชาวจีนที่เข้ามากระทำความผิดต่อชาวจีนด้วยกันในประเทศไทย แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อหลบหนีการกระทำความผิดจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนมีพฤติกรรมเข้ามาก่อตั้งรกรากและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.และคณะ ร่วมประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน เพื่อแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่างๆ ที่สำคัญในประเทศจีน เป็นการหาแนวทางในการสกัดกั้นและป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางสนามบินและช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงติดตามจับกุมผู้ที่มีหมายจับของประเทศจีน โดยมีกำหนดการในระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตรง) เล็งเห็นความสำคัญของปัญหา จึงได้มอบหมายให้ตนไปแสวงหาความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ซึ่งจากการหารือได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมณฑลต่างๆ เป็นอย่างดี โดยทางตำรวจจีน ได้ส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับที่สำคัญและมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้กับทาง สตม.ได้ช่วยติดตามจับกุมให้หลายราย และมีการประสานงานร่วมกันผ่าน contact person เพื่อส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับในจีน ให้ทาง สตม.ลงข้อมูลในระบบ เพื่อแจ้งเตือนเมื่อพบว่าผู้ต้องหาเหล่านี้เข้ามายังพรมแดนประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ในการสกัดกั้นไม่ให้คนจีนที่กระทำผด เข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ในลักษณะดังกล่าว

รอง ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในที่ประชุม ตำรวจจีนได้ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึง สตม.ในอดีตที่ผ่านมา ที่ได้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีสำคัญสำคัญในจีน กลับมาดำเนินคดีได้เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ทางตำรวจจีน ได้พาคณะตำรวจไทยเยี่ยมชมการทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเมืองหนานจิง ‘Tiger Dragon’ ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษที่ติด 1 ใน 5 ของโลก อย่างไรก็ดี หลังจากนี้จะนำข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์ เพื่อเปิดปฏิบัติการจับกุม พัฒนาทักษะหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ สตม.รวมทั้งเพิ่มแนวทางสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนจีนที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด ใช้ประเทศไทย เป็นแหล่งพักพิงและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทยได้อีกต่อไป