“ ตำรวจไซเบอร์ รวบผู้ต้องหาอดีตนักบิน และพนักงาน รปภ. ตั้งกล้องแอบถ่ายคลิป ขณะมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อ ประกาศขายบนโลกออนไลน์ ”
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หรือสตรีทางอินเทอร์เน็ต การใช้อินเตอร์เน็ตในการซื้อขายทางลามกอนาจารเด็ก การบริการซื้อขายทางเพศ การบังคับใช้แรงงาน รวมไปถึงการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยที่ผ่านมาได้กำชับสั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม
ล่าสุด พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.วีระวิทย์ ผลประสิทธิ์ ผกก.กก.3 บก.สอท.1, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวกรณี การจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับ 2 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด ดังต่อไปนี้
ได้มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณปี พ.ศ.63 – 65 ได้รู้จักและพูดคุยกับผู้ต้องหาผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้แก่ Tinder, Instagram, Facebook, Line ต่อมาได้นัดหมายพบเจอกันที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ กทม. จากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์กันโดยผู้เสียหายไม่ทราบว่ามีการแอบติดตั้งกล้องบันทึกวิดีโอ กระทั่งเมื่อปี พ.ศ.65 - ต้นปี พ.ศ.66 ผู้เสียหายทราบว่ามีคลิปวิดีโอลามกอนาจารของตนกับผู้ต้องหาที่ถูกเบลอใบหน้าปรากฎอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชัน Vk, Telegram และเว็บไซต์ลามกอนาจารต่างๆ ซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มีการจ่ายเงินเพื่อเข้ารับชม หรือซื้อขายคลิปในราคาต่างๆ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย อับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง
พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ได้รับคำร้องทุกข์สอบสวนปากคำผู้เสียหาย สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง พิสูจน์ทราบตัวบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยงทางคดี ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองราย ในข้อหา “ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบันทึกภาพ หรือเสียงการกระทำชำเรา หรือการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งภาพหรือเสียงการกระทำชำเราหรือการกระทำอนาจารที่บันทึกไว้, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏภาพของผู้อื่นและภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรีอวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย และหมื่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ”
กระทั่งวันนี้ (11 พ.ค.66) ประมาณเวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 ได้ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารายแรกในพื้นที่เขตรามคำแหง กทม. สามารถจับกุมตัวนายภัทรวิทย์ อายุ 38 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และจากตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารายที่สองในพื้นที่ อ.เมือง จ.จันทบุรี สามารถจับกุมตัว นายอรรถพล อายุ 33 ปี เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดหลายรายการ นำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการรับเพื่อนจากสื่อสังคมออนไลน์ เพราะไม่อาจทราบได้เลยว่าบุคคลนั้นเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ใด เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ พึงระมัดระวังการทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ เนื่องจากภาพ และคลิปวิดีโอเหล่านั้นจะคงอยู่ไปตลอด รวมไปถึงไม่นัดเจอบุคคลที่เพิ่งรู้จักในสถานที่ล่อแหลมแต่อย่างใด
ในการปฏิบัติการของ (บช.สอท.) มุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนเป็นสำคัญ และยังคงเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี