เพื่อนสนิท “แอม” ให้ข้อมูล-ส่งพัสดุปริศนาให้ตรวจสอบมีทั้งกระเป๋าถือแบรนด์เนม-กระเป๋าใส่นามบัตร-โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ด้าน"บิ๊กโจ๊ก"ยืนยันกระเป๋าเป็นของ"ก้อย"ที่เสียชีวิต พบไทมไลน์เวียนส่งพัสดุหลายจังหวัดหวังอำพรางคดีหาของกลางไม่เจอ ขณะที่ พยานใหม่ ยันไม่รู้จักคนส่งพัสดุ-ยอมรับแอมมีที่อยู่จากเคยให้สำเนาบัตร ปชช. และยังเคยถูกวางยาด้วยแต่ไม่ตาย
11 พ.ค.66 คืบหน้าคดีนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาฆ่าวางยาไซยาไนด์เหยื่อหลายสิบรายนั้น ล่าสุด มูลนิธิ วิน วิน ได้นำพยานปากสำคัญเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และพยานได้แจ้งว่า ตนมีพัสดุส่งมาจากบุคคลปริศนา ส่งมาเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา แต่ตนเพิ่งเข้าไปรับพัสดุมา เนื่องจากพยานไม่ได้อาศัยอยู่ที่อยู่เดียวกับที่พัสดุถูกส่งไป เมื่อเปิดดูพบว่า "เป็นทรัพย์สินของก้อย ที่คาดว่าแอมเอาไปในวันที่เสียชีวิต" (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พบทรัพย์สิน'ก้อย'ที่คาดว่า'แอม'เอาไปในวันที่เสียชีวิต ประกาศตามหาที่เหลืออีก 2 ชิ้น)
ทั้งนี้ นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน ซึ่งเป็นคนพาเพื่อนสนิทแอมมาให้ปากคำ พร้อมนำกล่องพัสดุปริศนาที่ถูกส่งไปที่บ้านของเพื่อนสนิทคนนี้มาให้ตำรวจเก็บไว้เป็นพยานหลักฐาน ให้ข้อมูลเพิ่มว่าพยานคนนี้เป็นคนที่แอมให้ความไว้วางใจ เคยให้ข้อมูลเรื่องขบวนการหวยทิพย์ และออกรถป้ายแดงของแอมด้วย ส่วนพัสดุ พยานบอกว่าเดือนก่อนมีพัสดุปริศนาส่งมาที่บ้านในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งบ้านหลังนี้ปกติไม่มีใครอยู่ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเป็นพัสดุอะไร จากนั้นเมื่อได้คุยกับนางสาวชลิดา ได้นำพัสดุมาส่งมอบให้ตำรวจในวันนี้
สำหรับการตวรจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นพบว่า ภายในมีถุงดำและถุงพลาสติกห่อ 2 ชั้น เมื่อเปิดถุงพลาสติกร้านสะดวกซื้อ พบทรัพย์สิน 6 รายการ ประกอบด้วย กระเป๋าถือแบรนด์เนม 1 ใบ, กระเป๋าเงิน 2 ใบ, กระเป๋าใส่นามบัตร 1 ใบ และใบเสร็จรับส่งสินค้าที่มีชื่อผู้รับ คือ นางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ “ก้อย” และมือถือ 1 เครื่อง
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวภายหลังเพื่อนสนิทแอม นำกล่องพัสดุมาให้ตรวจสอบและเข้าให้ข้อมูลพฤติกรรมแอม ว่า เพื่อนแอมคนนี้ถือเป็นพยานปากสำคัญในคดี เพราะนำหลักฐาน ซึ่งเป็นของนางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย มามอบให้กับตำรวจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ตามหามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่พบ กระทั่งมีการส่งทรัพย์สินของนางสาวก้อย ไปให้พยานที่คอนโด ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นคอนโดที่พยานไม่ได้พักอาศัยอยู่นานแล้ว
จากการตรวจสอบ พบว่ากล่องพัสดุที่ซุกซ่อนเป็นทรัพย์สินของนางสาวก้อย มีการถูกส่งหมุนเวียนไปในหลายจังหวัด ก่อนจะถูกส่งมาที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นที่สุดท้าย โดยการกระทำในลักษณะนี้ มองว่า มีจุดประสงค์ในการอำพรางหลักฐานทางคดี เพื่อให้หาของกลางไม่เจอ ซึ่งตำรวจจะมีการเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับและส่งพัสดุกล่องนี้มาสอบปากคำทั้งหมด ล่าสุดได้มีการเชิญตัวผู้ส่งพัสดุจากอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ไปที่คอนโดพยานในจังหวัดเพชรบุรี มาสอบปากคำแล้วที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังจากนี้ต้องดูว่ามีส่วนรู้เห็น หรือร่วมกันวางแผนอำพรางหลักฐานกับผู้ต้องหาหรือไม่ จะเข้าข่ายทำลายหลักฐาน
"ส่วนเพื่อนแอมพยานปากนี้ ถือเป็นคนสนิทของนางสาวสรารัตน์ หรือแอม และเป็นคนที่นางสาวแอมไว้ใจมากที่สุด เพราะมีรายชื่อในบัญชีเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาของกรมราชทัณฑ์ ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ตลอด ซึ่งวันพรุ่งนี้ ( 12 พ.ค.) ตนจะพาพยานปากนี้เข้าไปพูดคุยกับนางสาวแอม ในประเด็นเรื่องทรัพย์สินของนางสาวก้อย ที่ถูกส่งไปถึงพยาน ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวแอม เคยให้การไว้กับตำรวจระบุว่า นำทรัพย์สินเหล่านี้ใส่ถุงดำไปทิ้งถังขยะแล้ว นอกจากนี้เพื่อนแอมยังให้การว่าเคยถูกวางยาเช่นกันจากหลังถูกทวงถามเรื่องยืมเงิน"รองผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันคดีใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยวันพรุ่งนี้(12 พ.ค.) จะมีการสรุปผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด รวมถึงแนวทางการสืบสวน คาดมีความชัดเจนกรณีผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับ วันนี้ตำรวจยังได้เชิญพันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีของนางสาวแอม เข้าให้การเป็นครั้งที่ 3 ในประเด็นเรื่องเส้นทางการเงินต่างๆ ของนางสาวแอม ที่เบื้องต้นพบมีการโอนออกไปยัง 12 บัญชี นอกจากนี้ยังได้เชิญ พ่อ-แม่ และญาติ ของนางสาวแอม เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
ด้านเพื่อนแอมพยานที่ถูกระบุว่า เป็นบุคคลที่ออมไว้ใจและนำพัสดุปริศนา ซึ่งภายในเป็นกระเป๋าของก้อย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยหลังให้ปากคำพล.ต.อ.เชษฐ์ นานกว่า 4 ชั่วโมง ว่า ในช่วงที่มีการส่งพัสดุกล่องนี้มาให้ตัวเอง เจ้าหน้าที่ส่งพัสดุแจ้งว่าไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าส่งและค่าสินค้าใดๆ จึงเกิดความสงสัยขึ้น เพราะตามปกติแล้วเวลาตัวเองสั่งสินค้าจะให้เก็บเงินปลายทางตลอด ตอนแรกตนเองเข้าใจว่า ส่งไปที่บ้านตามที่อยู่บัตรประชาชน แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุแจ้งว่าจะนำไปไว้ที่ตึกใหม่ ซึ่งทำให้ตัวเองรู้ว่าสถานที่ส่งพัสดุที่จริงแล้วเป็นคอนโดมิเนียมที่ตัวเองไม่ได้อยู่อาศัยนานแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจไปเปิดดูพัสดุ จนมาถึงวันนี้กลับไปดูพัสดุและเห็นว่าพัสดุจ่าหน้าว่ามาจาก อ.ท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความสงสัยขึ้น ยืนยันว่าไม่รู้จักชื่อผู้ส่งพัสดุ
"ยอมรับว่ารู้จักกับแอม มาตั้งแต่ปี 2563 เพราะเคยชักชวนลงทุน และตนเองก็ได้ลงทุนแต่ไม่ขอเปิดจำนวนที่ร่วมลงทุนไปแต่ได้เงินคืนทั้งหมด รวมถึงแนะนำให้ไปกู้เงินธนาคารเพื่อนำเงินมาเพิ่มในการไปลงทุน โดยตนเองได้เอาสำเนาบัตรประชาชนของให้แอมไว้เพื่อให้ไปสอบถามทางธนาคารว่าติดเคริตบูโร หรือสามารถกู้เงินได้หรือไม่เหตุนี้จึงทำให้แอมมีที่อยู่ของตัวเอง ที่ผ่านมาแอมไม่เคยมาคอนโดของตัวเอง ส่วนเหตุผลที่ส่งพัสดุไปที่ตนเองนั้นก็ไม่ทราบเพราะอะไร แต่ก่อนหน้านี้ตนเองเคยอธิฐานถึงก้อยว่า หากเขาเป็นคนผิดให้ก้อยทำอะไรก็ได้ให้รู้ว่าแอมเขาเป็นคนผิด"
เมื่อถามว่า เคยโดนกระทำเหมือนเหยื่อรายอื่นๆหรือไม่ พยานคนนี้ขอไม่ให้ในรายละเอียด แต่ยอมรับว่าเคยโดน รวมถึงไม่ได้กังวลอะไรแล้วเพราะผ่านจุดที่เคยถูกกระทำมาแล้ว ตอนนั้นไม่ทันได้คิดว่าตนเองถูกกระทำ ถ้าจะให้เอาเรื่องก็ไม่มีหลักฐานแล้วเช่นกัน และหลังจากที่ตนเองถูกกระทำ ก็ไม่เคยไปกับแอมสองคนอีกเลย และส่วนตัวไม่ได้โลกสวยแต่มองว่า แอม ก็เป็นคนใจบุญ ตอนเห็นข่าวยังไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นข่าวก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ
"ทั้งนี้ 3 ปีที่ผ่านมา แอมมักจะปรึกษาเรื่องส่วนตัว เรื่องในครอบครัว และเรื่องทางการเงิน โดยแอมอ้างว่าเล่นแชร์แล้วโดนโกง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่ก็ให้คำแนะนำไปว่าอย่าเล่นแชร์เลยทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า และส่วนมากก็จะปรึกษาในเรื่องที่อยากปรึกษา ไม่ใช่ทุกเรื่อง ซึ่งตนเองก็เป็นผู้ฟังที่ดีและแนะนำสิ่งที่ถูกต้องพร้อมยอมรับว่าแอมเคยยืมเงินตนเองด้วยเช่นกัน แต่แค่หลักพัน"เพื่อนแอม ระบุ
มีรายงานว่า เบื้องต้นตคาดว่า แอมใช้ชื่อปลอมเพื่อส่งพัสดุไปให้เพื่อนที่ จ.เพชรบุรี ในช่วงเวลา 5 วันหลังน้องก้อยเสียชีวิต เพื่อเป็นการอำพรางของกลางดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี