ผ่านพ้นไปแล้วกับงานเสวนาสาธารณะ “เด็กและครอบครัวไทยในสองทางแพร่ง : รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2566” โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง (101 Public Policy Think Tank : 101 PUB)
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 2 กล่าวว่า ในปี 2565 มีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์เพียง 502,000 คน ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 595,965 คน มีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มกว่า 800,000 คน เด็กและเยาวชนในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขัน และความท้าทายต่างๆ มากขึ้น จากปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหารากเหง้าของสังคมเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะเรื่องรายได้ แต่รวมถึงโอกาส อำนาจ สิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
“มีเด็ก 40% ที่พ่อแม่ต้องทิ้งให้อยู่กับปู่ยาตายาย ทิ้งภาคการเกษตรไปหารายได้ในภาคอุตสาหกรรม เชื่อมโยงเป็นปัญหาครอบครัวและสังคม การแก้ไขจึงต้องอาศัยหลายฝ่ายโดยยึดหลัก 3 ข้อ 1.วิธีการเชิงระบบ (System Approach) 2.ทำต่อเนื่อง 3.ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม” นพ.สุรเชษฐ์ กล่าว
นายฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการ 101 PUB หัวหน้าโครงการศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา คิด for คิดส์ ได้ผลิตงานวิชาการเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัว และการเรียนรู้ เพื่อตอบโจทย์สังคมไทยในอนาคต ยิ่งเกิดกระแสความท้าทายใหญ่ๆ เช่น สังคมสูงวัย ความเหลื่อมล้ำ ความขัดแย้งทางความคิด ความผันผวนของโลกและเทคโนโลยี นโยบายเด็กและครอบครัวจึงยิ่งมีความสำคัญ เพราะเป็น “ฐานหลัก” สำหรับอนาคตของประเทศที่แท้จริง
“คิด for คิดส์ จัดทำข้อมูลสำรวจเยาวชน (Youth Survey 2022) ทั่วประเทศเกือบ 20,000 คนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่หลายเรื่อง ตั้งแต่พื้นฐานความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวและสังคม การเรียนรู้ การทำงานคุณค่าและทัศนคติทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง ทำให้เข้าใจครัวเรือนเปราะบางซับซ้อนในสังคมไทย ภาวะการเรียนรู้ถดถอยระหว่างวิกฤตโควิด-19 และจินตนาการใหม่ของเยาวชนไทยถึงสังคมไทยที่พวกเขาอยากเห็น ด้วยวิธีวิจัย civic imagination ที่เคยถูกใช้ในไทยมาก่อน รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชนในระดับนโยบายด้วยการทำ Youth Policy Lab ที่นำเยาวชนมาร่วมคิดนโยบายออกแบบกรุงเทพฯ ด้วย” ผู้อำนวยการ101 PUB กล่าว
ภายในงานยังมีการนำเสนอ “รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2023” ของ คิด for คิดส์ โดย 2 นักวิจัย คือ นายวรดร เลิศรัตน์ และ นายสรัชสินธุประมา ระบุว่า เด็กและครอบครัวไทยกำลังเผชิญ 2 ทางแพร่ง ได้แก่ ทางแพร่งหลังโควิด และหลังเลือกตั้ง มี 6 สถานการณ์สำคัญ 1.เด็กและเยาวชนเติบโตในครอบครัวเปราะบางซ้ำซ้อนและยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตรายได้ครัวเรือนหดหาย เป็นหนี้มากขึ้นโดยเฉพาะครัวเรือนที่มีเด็กฟื้นตัวยากกว่าจนกระทบกับคุณภาพชีวิตและการพัฒนา
2.เยาวชนมีงานที่ดีและสอดคล้องกับความฝันได้ยากขึ้น 15% ไม่มีงาน ไม่ได้รับการจ้างงาน ไม่ได้เรียน หรือฝึกทักษะ ส่วนหนึ่งเพราะหางานที่ดีได้ยาก และต้องดูแลที่บ้านเป็นหลัก 3.เด็กและเยาวชนไม่ได้รับการฟื้นฟูภาวะการเรียนรู้ถดถอยและพัฒนาทักษะจำเป็นจากระบบการศึกษา การปิดสถานศึกษาช่วงโควิดทำให้เกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย 4.เด็กและเยาวชนเผชิญปัญหาเครียดและซึมเศร้า แต่เข้าถึงบริการสุขภาพจิตได้ไม่ทั่วถึง บริการดูแลสุขภาพจิตเหลื่อมล้ำสูง กระจุกในเมืองใหญ่
5.เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจำนวนมากขึ้นในรูปแบบซ่อนเร้นยิ่งขึ้น ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และเปราะบางต่อภัยคุกคามออนไลน์มากขึ้น 6.เด็กและเยาวชนฝันถึงสังคมใหม่ สังคมที่คุ้มครองเสรีภาพทางความคิด ทลายระบบอุปถัมภ์-เส้นสาย แก้ทุจริต ปฏิรูปเศรษฐกิจให้ทุกคนกินดีอยู่ดี มีโอกาสเสมอกัน
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่เด็กและครอบครัวไทยเผชิญกับความพลิกผันของทั้งสังคมโลกและสังคมไทย 2 เรื่องใหญ่ คือสถานการณ์ “หลังโควิด” และ “หลังเลือกตั้ง” จึงจัดเวทีเพื่อชวนคิดและหาคำตอบว่า รัฐบาลใหม่ควรดำเนินนโยบายเด็ก เยาวชน และครอบครัวอย่างไร จึงจะสนับสนุนคุณภาพชีวิต และสุขภาวะของเยาวชนและครอบครัวได้ดีที่สุด ผ่านมุมมองของผู้แทนเยาวชน นักการเมือง และนักวิชาการ พร้อมสำรวจความคิดเห็นเยาวชน 20,000 คน ที่จะทำให้เข้าใจตัวตน-ความคิดของ “เด็กสมัยนี้” อย่างแท้จริง
“สสส. คาดหวังว่า การสานพลังจัดเวทีนี้ของทุกภาคส่วน จะทำให้ได้ข้อเสนอนโยบายที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรมที่เป็นระบบ กลไก และมาตรการสนับสนุนทรัพยากรให้ครอบครัว มีขีดความสามารถในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก สนับสนุนโอกาสให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงพื้นที่เรียนรู้ใกล้บ้าน และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาเชิงนโยบายในระดับประเทศ เพราะการลงทุนกับเด็กเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เหมือนการสร้างฮาร์ดแวร์ให้พร้อมใส่ซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี