‘ตำรวจทางหลวง’สกัดยึดรถขนส่ง‘น้ำมันเถื่อน’ เตรียมส่งขาย กทม.-ปทุมธานี

6 มิถุนายน 2566 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. , พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล. , พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ รอง ผบก.ทล. , พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.4 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจับกุม ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทล.3 กก.2 บก.ทล. ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าพนักงานสรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันจับกุมนายสมบัติ อายุ 47 ปี ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203 (1) โดยจับกุมได้บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนโดยผิดกฎหมายในพื้นที่เขตรับผิดชอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสว่าจะมีการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มิได้เสียภาษี จากภาคใต้มุ่งหน้าพื้นที่ กทม. เพื่อนำมาส่งต่อปั้มน้ำมันในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล โดยเฉพาะที่ จ.ปทุมธานี เพื่อจำหน่ายในราคาท้องตลาด โดยใช้รถบรรทุกเป็นยานพาหนะ เมื่อทราบเบาะแสดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าระวังรถยนต์และกลุ่มผู้ต้องสงสัย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 17.30 น. พบรถบรรทุกพ่วง ลักษณะและหมายเลขทะเบียนตรงตามที่สายลับแจ้ง ขับมาบนถนนหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จึงได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว ต่อมาทราบชื่อผู้ขับขี่ คือ นายสมบัติ และพบว่าใบกำกับการขนส่งน้ำมันมิได้ระบุวันเวลาที่เดินทางไว้ และไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ออกใบกำกับจากผู้ค้าที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจสอบไม่พบเอกสารการผ่านการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุก จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบน้ำหนักบริเวณด่านชั่งน้ำหนัก กรมทางหลวง

ผลการตรวจสอบได้ 50,030 กิโลกรัม ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงได้เชิญตัวนายสมบัติไปที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมตรวจสอบยืนยันว่าสิ่งที่บรรทุกมาเป็นน้ำมันชนิดใดประเภทใด

เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นแล้ว จึงได้เชิญตัวนายสมบัติ พร้อมนำรถบรรทุกดังกล่าวไปยังสำนักงานสรรสามิตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการเก็บตัวอย่างน้ำมันที่บรรจุอยู่ในถังบรรทุกน้ำมันดังกล่าว และตรวจพิสูจน์เบื้องต้น โดยมีนายสมบัติ เป็นผู้เปิดผนึกถังบรรจุด้วยตนเอง และเจ้าพนักงานสรรพสามิตร่วมตรวจสอบ

จากการร่วมกันตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า น้ำมันดังกล่าวลักษณะคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารใบกำกับการขนส่งและไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง จึงได้เก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจพิสูจน์ โดยห้องตรวจแล็บของกรมสรรพสามิต และผลยืนยันว่าเป็นน้ำมันดีเซลซึ่งไม่ตรงตามเอกสารที่ระบุไว้ในใบกำกับการขนส่งจริง จะมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป............-005