งานเข้าสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเมืองย่าโมสมาชิกแห่ถอนเงินวันเดียวกว่า 100 ล้านบาท หลังมีข่าวจะฟ้องล้มละลายครูกว่า 2,300 ราย ด้านผู้บริหารสหกรณ์ฯ ดาหน้าเต้นต้องแถลงเป็นข้อมูลเท็จ ยืนยันสถานะทางการเงินยังเข้มแข็ง ระบุมีทุนอยู่กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท เผยที่ผ่านมา 66 ปีเพิ่งฟ้องล้มละลายแค่ 2 ราย และมีโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ครูไปได้แล้วถึง 364 ราย
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา มีครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสถานศึกษาในพื้นที่ 32 อำเภอของ จ.นครราชสีมาจำนวน 210 คน ประชุมกับเครือข่ายประชาชนแก้หนี้สินแห่งประเทศไทยที่หอประชุมพระบรมราชสมภพ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 วัดสุทธจินดาวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา และมีข้าราชการครูบำนาญรายหนึ่งให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีเพื่อนครูในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ประมาณ 2,300 คนอยู่ระหว่างสถาบันการเงินยื่นฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายและอยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องชดใช้หนี้สินแทนนั้น
วันนี้ (8 มิ.ย.66) ที่ห้องประชุมชั้น 2 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายบุญธรรม เดชบุญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จักรสาน รองผู้จัดการสหกรณ์ฯ, นายปริญญา ประจง รองประธานสหกรณ์ฯ, นายสุรชัย แย้มกาญจนวัฒน์ รองประธานสหกรณ์ฯ และ ดร.พจน์ เจริญสันเทียะ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สหกรณ์ เปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ภายหลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกไปสู่สาธารณะ ส่งผลทำให้มีสมาชิกของสหกรณ์แห่มาถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก
นายบุญธรรม กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวที่ออกไปว่ามีครูในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จะถูกฟ้องร้องล้มละลายมากถึง 2,300 คน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนในข้อมูลของผู้ให้ข่าว และทำให้คนที่เสพข่าวดังกล่าวเกิดความหวั่นไหวได้ ทั้งนี้ตนขอชี้แจงว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลานานกว่า 66 ปี ถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่เป็นที่พึ่งให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษามาโดยตลอด และไม่เคยคิดที่จะไปฟ้องร้องครูให้ล้มละลายเลย
"ตลอดเวลา 66 ปี เพิ่งฟ้องล้มละลายไปเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 28,000 ราย โดยเหตุที่ฟ้องล้มละลาย 2 รายดังกล่าว ก็เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยรายแรกเป็นข้าราชการครูที่ถูกไล่ออกแล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงมีการฟ้องกันมานานครบ 10 ปีแล้วยังมีหนี้เกิน 1 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการฟ้องล้มละลาย ส่วนอีกรายหนึ่งก็เป็นครูที่ไปค้ำประกันให้กับคนอื่นที่ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องล้มละลายมา แต่ทั้ง 2 ราย หลังจากที่ทางสหกรณ์ฯ ฟ้องล้มละลายไปแล้ว ทางสหกรณ์ฯ ก็ยังติดตามไปดูแลตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาชีวิตตามมาในภายหลัง เพราะสหกรณ์ฯ มีนโยบายบริหารจัดการด้วยความเมตตาต่อสมาชิกทุกคน" นายบุญธรรม กล่าว
นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า ข่าวที่ออกไป ทำให้ครูที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ เกิดความวิตกและพากันแห่มาถอนเงินในวันที่ 6 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันแรกที่ออกข่าวถึงกว่า 100 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นสมาชิกหลายคนได้โทรศัพท์มาสอบถามข้อเท็จจริง และรู้ว่าทางสหกรณ์ฯ ยังมีสถานะทางการเงินเข้มแข็งอยู่มาก จึงมีการถอนเงินออกไปเพียง 5 ล้านบาท ซึ่งการถอนเงิน 4-5 ล้านบาท ถือว่าเป็นสภาวะปกติ ทั้งนี้ ตนขอชี้แจงว่า ปัจจุบันนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด มีสมาชิกอยู่กว่า 28,000 คน มีทุนอยู่กว่า 21,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นทุนเรือนหุ้นอยู่กว่า 18,420 ล้านบาท ทุนสำรองอยู่กว่า 2,157 ล้านบาท ทุนสะสมตามข้อบังคับฯ กว่า 190 ล้านบาท และมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นประมาณ 6,880 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทุนของสหกรณ์ฯ จะเห็นว่ามีความเข้มแข็งมากในระบบการเงิน เพราะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.80 เท่านั้น
ทั้งนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัดช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกได้จำนวน 364 ราย จำนวน 447 สัญญา สหกรณ์ฯ ใช้เงินในการแก้ไขปัญหาไปจำนวน 509 ล้านบาท ทำให้สมาชิกได้ประโยชน์ ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี ไม่ถูกอายัดคดี สมาชิกมีเงินได้รายเดือนเหลือเพิ่มขึ้น ได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคืน และที่สำคัญคือสมาชิกได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยค้างจ่ายและค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงิน เป็นเงินกว่า 38 ล้านบาท
นายบุญธรรม กล่าวอีกว่า ในชีวิตครูหลายคนมีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเงินจนไม่สามารถมาชำระหนี้ได้ก็ขอให้เข้ามาพูดคุยกัน เพราะทางสหกรณ์ฯ พร้อมที่จะเจรจาเพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าสหกรณ์ฯ เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของสมาชิกทุกคน ส่วนปัญหาให้ครูใช้หนี้จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ 70% และเหลืออีก 30% เป็นค่าครองชีพนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดกับครูที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เมื่อเกษียณราชการแล้วเงินเดือนก็ลดลง แต่เพดานการชำระหนี้ยังอยู่ที่ 70% ของฐานเงินเดือนเดิมอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางสหกรณ์ฯ มีระเบียบปรับโครงสร้างหนี้อยู่แล้ว โดยเป็นระเบียบเงินกู้สามัญแก้ไขปัญหาชำระหนี้ แต่สมาชิกหลายคนก็ไม่มาพูดคุยเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิกเพราะอาจจะเป็นเพราะไม่ได้มีปัญหาด้านการเงิน แต่ถ้ามีปัญหาด้านการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็ขอให้มาพูดคุยเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ทางสหกรณ์ฯ พร้อมช่วยเหลือสมาชิกทุกคนเต็มที่อยู่แล้ว
ด้านนายชำนาญ กุลงูเหลือม อายุ 65 ปี ข้าราชการบำนาญ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ปัญหาหนี้สินข้าราชการครูไม่ใช่ปัญหาอยู่ที่ตัวครูอย่างเดียว แต่เกิดจากการไปค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นๆ ที่เป็นญาติ พี่ น้อง หรือคนที่รู้จัก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเราเป็นหนี้สินแล้วก็ต้องพยายามชำระหนี้ให้ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาครูทั่วประเทศจำนวนมากเป็นหนี้สินแล้ว ก็คงไม่อยากไปซ้ำเติมอะไร ต้องมาหาทางแก้ไข เพราะถ้าปล่อยให้ครูเป็นหนี้อยู่เช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้ครูไม่มีสมาธิในการสอนนักเรียน ทำให้คุณภาพการเรียนการสอนลดลง เป็นปัญหาระดับชาติ จึงต้องขอฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจัง เงินช่วยเหลือถึงครูที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง อย่าปล่อยให้ครูต่อสู้กับปัญหาหนี้สินโดยลำพัง - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี