คุก 1 ปี‘ไผ่ ดาวดิน-ยาใจ ทะลุฟ้า’สาดสีใส่ สน.ทุ่งสองห้อง ชุมนุมไล่บิ๊กตู่
14 มิถุนายน 2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีร่วมกันชุมนุม หมายเลขดำ อ.2608/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนาย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจ กับพวกรวมทั้งหมด 18 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายฯ ตาม พ.ร.ก.แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฯ โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 จำเลยทั้ง 18 คนร่วมกัน และแยกกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยร่วมกับพวกรวมประมาณ 50 คน ชุมนุมมั่วสุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณหน้า สน.ทุ่งสองห้อง โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด มีโอกาสติดต่อสัมผัสเชื้อโรค ไม่มีมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้ใช้สีสาดใส่ป้ายชื่อ สน.ทุ่งสองห้อง ผนังตึกอาคาร พื้นทางขึ้น สน.ทุ่งสองห้องได้รับความเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 1ใช้เครื่องขยายเสียงสั่งการ ยุยง ชักชวน ส่งเสริม ให้ผู้ร่วมชุมนุมกระทำผิดโดยฝ่าฝืนกฎหมาย โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความพยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 18 คนและบุคคลอื่นอีกรวมกัน 29 คน ถูกคุมขังในคดีอื่นที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1(บก ตชด.ภ.1) ตั้งอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ต่อมามีการขอปล่อยชั่วคราวและศาลอนุญาต จากนั้นจึงได้นัดมารับพวกที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว ที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยมีการนำจำเลยและผู้ต้องหาอื่นนั่งรถ 6 ล้อมาด้วยกัน เมื่อถึงสน.ทุ่งสองห้อง ตำรวจได้แจ้งให้มารับรถของพวกจำเลยที่ถูกตำรวจยึดไว้จำนวน 7 คัน ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.2564 ซึ่งระหว่างรอรับรถต้องใช้เวลาตรวจสอบ แต่จำเลยทั้ง 18 คนจะขอรับรถเพื่อจะนั่งกลับไปด้วยกัน และจะไปชุมนุมกันต่อที่หอศิลป์กรุงเทพ ฯ โดยจำเลยที่ 1 ได้ผลัดกับเพื่อนปราศรัยโจมตีการทำงานรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการปราศรัยอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญไม่มีพฤติการณ์ก่อความวุ่นวาย ไม่ได้เป็นการจัดการชุมนุม อีกทั้งกลุ่มชุมนุมพวกจำเลยใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างพอสมควร จึงไม่มีความผิดตาม มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ต่อมา เมื่อได้รับรถยนต์ 6 ล้อแล้วก่อนกลับกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำกระป๋องสีแดงมาสาดใส่บริเวณ รั้ว ป้าย บันไดหน้าอาคาร สน.ทุ่งสองห้อง อันเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่ได้เป็นไปตามการแสดงเชิงสัญลักษณ์ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ ทำให้สถานที่ราชการเกิดเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ไม่เหมาะสม โดยมีพยานโจทก์ระบุว่า นายจตุภัทร์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการ และ นายทรงศักดิ์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้สาดสี ซึ่งตรงกับหลักฐานภาพถ่ายแม้จำเลยที่ 1 จะปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งการ แต่มีพยานและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่1อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด เจือสมกับที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่าเป็นสีน้ำ ล้างออกง่าย ข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า นายจตุภัทรจำเลยที่ 1 และนายทรงศักดิ์ ,3 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี ปรับคนละ 6,000 บาท แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ยกฟ้องจำเลยอื่น และข้อหาอื่น ๆ
ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา นายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ที่จริงแล้วพวกเราทุกคนไม่ควรที่จะถูกดำเนินคดีด้วยซํ้า เนื่องจากเป็นคดีทางการเมืองและยอมรับว่าส่วนตัวกังวลในทุกคดี ซึ่งรัฐบาลใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการสลายการชุมนุมในช่วงปี พ.ศ.2563 - 2564 และในวันนี้จําเลยทั้ง 18 คน มากันครบและพร้อมที่จะรับฟังคําพิพากษา หากศาลตัดสินอย่างไรก็น้อมรับคําตัดสินทุกประการและพร้อมสู้ต่อตามกฎหมาย
“ไผ่ ดาวดิน” กล่าวอีกว่า ความยุติธรรมก็เป็นส่วนเรื่องของความยุติธรรม การใช้กฎหมายก็เป็นเรื่องของการใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้นการใช้กฎหมายบางทีไม่ยุติธรรม ตนจึงมองว่าเราต้องมาสร้างความยุติธรรมให้ยุติธรรมจริงๆ และนี้คือคดีทางการเมือง ถ้าไม่มีการรัฐประหาร พวกเราก็คงไม่ออกมาแล้วมาโดนคดีแบบนี้ ดังนั้นเราจึงจะมาคาดหวังกับความถูกต้องหรือยุติธรรมคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ คือการใช้กฎหมายการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่อง มือซึ่งจะทําให้กระบวนการยุติธรรมเองที่เสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังอะไรจากรัฐบาลใหม่ ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพราะวันนี้ครบรอบ 1 เดือน ที่ กกต. ยังไม่รับรองผลรัฐบาลใหม่ ซึ่งประชาชนต้องช่วยกันติดตามเพราะว่าทําให้เสียโอกาสในการแก้ไขปัญหาต่างๆและการพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งไม่มีประเทศในโลกที่เป็นแบบนี้ และบางคนอาจมองว่าปกติแต่จริงแล้วคือไม่ปกติ ซึ่งเป็นแบบนี้หลังจากมีการรัฐประหาร
ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 14.00 น. พวกตนจะไปยื่นหนังสือที่ กกต. เพื่อทวงถามการรับรองผลการเลือกตั้ง ในนาม เครือข่ายประชาชนจับตาการเลือกตั้ง โดยข้อเรียกร้องคือ อยากให้ทาง กกต. มีการรับรองผลให้เร็วที่สุด และชี้แจ้งเหตุผลว่าเหตุใดจึงล่าช้า
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี