อนามัยโลกชง
ใช้โอมิครอนสายพันธ์ุXBB
หัวเชื้อผลิตวัคซีนรับโควิด
ศูนย์จีโนมฯเผย “องค์การอนามัยโลก-องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ”เสนอบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิดใช้โอมิครอน สายพันธุ์ XBB มาเป็นหัวเชื้อผลิตวัคซีน “โมโนวาเลนต์” และแนะนานาชาติควรเปลี่ยนมาใช้วัคซีนโควิดสายพันธุ์ XBB ชนิดโมโนวาเลนต์ ซึ่งเป็นทางเลือกในการป้องกันติดเชื้อโควิดที่จะระบาดในปี’67
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) เสนอให้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 เปลี่ยนมาใช้โอมิครอนสายพันธุ์เดียว XBB เป็นหัวเชื้อหรือต้นแบบผลิตวัคซีนโมโนวาเลนต์ พร้อมแนะนำให้ประเทศต่างๆ ควรเตรียมตัวเปลี่ยนมาใช้วัคซีน XBB เพื่อทันต่อการป้องกันการติดเชื้อและการเกิดอาการรุนแรงหากติดเชื้อกลายพันธุ์ในปี 2567 แทนการใช้วัคซีน 2 สายพันธุ์ (ไวรัสอู่ฮั่น+โอไมครอน BA.4/BA.5) หรือวัคซีนไบวาเลนต์ ซึ่งมีการนำมาใช้ช่วงปี 2566 สำหรับคำแนะนำของ WHO และ FDA บ่งชี้ชัดเจนว่า วัคซีนโควิด สายพันธุ์ XBB ชนิดโมโนวาเลนต์น่าจะเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโควิด-19 ที่จะระบาดในปี 2567
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (US FDA) ยังแถลงว่าปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ให้เห็นว่า วิวัฒนาการของไวรัสโคโรนา 2019 ชะลอตัวหรือลดลง วัคซีนโควิด-19 ในอนาคตควรเป็นวัคซีนสายพันธุ์เดียว หรือวัคซีนโมโนวาเลนต์ (covid-19 monovalent vaccine) ที่กำหนดเป้าหมายไปที่โอมิครอน XBB.1.5, XBB.1.16 หรือ XBB.2.3 เนื่องจากปัจจุบันพบสายพันธุ์ย่อย XBB มากกว่า 95% ของสายพันธุ์ไวรัสที่หมุนเวียนระบาดอยู่ในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2566
สายพันธุ์ XBB หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนที่ระบาดมาก่อนหน้า และปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 95% ของผู้ป่วยโควิดทั่วโลก
ทั้งนี้ ในสหรัฐฯพบสายพันธุ์ XBB 8 สายพันธุ์คิดเป็นกว่า 98% ของผู้ป่วยทั้งหมดในปัจจุบัน โดยมี 3 สายพันธุ์หลักโอไมครอน XBB.1.5 จำนวน 40% และ XBB.1.16 ประมาณ 18% และ XBB.2.3 ประมาณ 6% ตามลำดับ
ศูนย์จีโนมฯยังระบุด้วยว่า สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์โอไมครอนจากฐานข้อมูลโควิดโลกจีเสส (GISAID) ระหว่าง 1 พฤษภาคม-15มิถุนายน 658 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน XBB ประมาณ 95.6% XBB.1.5 ประมาณ 17.5% XBB.1.16 ประมาณ 35.6% XBB.1.9 ประมาณ 13.5% XBB.2.3 ประมาณ 4.7%
โอมิครอน XBB.1.16 XBB.1.9 และ XBB.2.3 คาดว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาและแทนที่ XBB.1.5 ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2566
การประเมินประสิทธิผลของวัคซีนสองสายพันธุ์ (covid-19 bivalent vaccine) ล่าสุดในผู้ใหญ่พบว่าป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด ลดลงจาก 62% ใน 2 เดือนแรกหลังฉีดวัคซีนเหลือเพียง 24% ใน 4 เดือนหลังจากฉีดวัคซีน ดังนั้น ประชาชนกลุ่มเปราะบางจึงควรเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ศูนย์จีโนมฯระบุด้วยว่า คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกให้ผู้ผลิตวัคซีนโควิด เปลี่ยนไปผลิตวัคซีนสายพันธุ์ XBB แบบโมโนวาเลนต์ในปี 2566-2567 มาจากข้อมูลที่พบว่า สายพันธุ์ XBB เป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นของไวรัสโควิดทั่วโลกขณะนี้ คุณสมบัติเด่นคือแพร่เชื้อได้มากกว่าและหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า
“หมายความว่าผู้ที่เคยได้รับวัคซีนหรือติดเชื้อสายพันธุ์ก่อนหน้าโอมิครอน XBB ยังจะไวต่อการติดเชื้อและมีอาการป่วยจากสายพันธุ์ XBB ได้ วัคซีนสายพันธุ์ XBB ชนิดโมโนวาเลนต์จะมีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนรุ่นเดิมในการป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน และป้องกันอาการรุนแรงจากการติดเชื้อโอมิครอนกลายพันธุ์ที่จะระบาดในอนาคต”
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังแนะนำให้ประเทศต่างๆ ควรเริ่มวางแผนปรับเปลี่ยนไปใช้วัคซีนสายพันธุ์ XBB ชนิดโมโนวาเลนต์ในฤดูกาล 2566-2567 เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ผลิตวัคซีนมีเวลาพอในการผลิต
สอดคล้องกับ คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารขององค์การอาหารและยา (FDA) ที่ออกมาเปิดเผยเช่นกันว่า หลักฐานที่มีอยู่บ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดปีนี้ควรกำหนดให้สายพันธุ์ XBB เป็นหัวเชื้อหรือต้นแบบผลิตวัคซีนในปี 2566-2567 ทั้งยังแนะนำให้ผู้ผลิตวัคซีนโควิดเปลี่ยนไปผลิตวัคซีนสายพันธุ์ XBB แบบวัคซีนโมโนวาเลนต์สำหรับฤดูกาล 2566-2567
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ใช้สายพันธุ์เก่ามาเป็นหัวเชื้อร่วมกับสายพันธุ์ใหม่ ในการผลิตวัคซีนไบวาเลนต์ แม้ผลกระทบยังไม่ชัดเจน แต่มีหลักฐานในหลอดทดลองบ่งชี้หากใช้สายพันธุ์เดิมฉีดกระตุ้นซ้ำๆจะทำให้การสร้างแอนติบอดีของเม็ดเลือดขาวต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ไปเล็กน้อยลดประสิทธิภาพ จึงควรใช้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่เท่านั้นในการผลิตวัคซีนในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี