‘บิ๊กโจ๊ก’ขอหมายตำรวจสากล
ล่า‘บอยกับพวก’
แก๊งรีดเงิน140ล้านบ.
แย้มมีเอี่ยวอีกนับสิบ
เร่งหาหลักฐานมัดตัว
“บิ๊กโจ๊ก”ประสานกองการต่างประเทศ ขอหมายแดงล่าตัว “บอย” และพวก ร่วมแก๊งสีกากีรีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท กลับมาดำเนินคดีเผยก่อนหน้านี้ประสานขอเข้ามอบตัว พร้อมยื่นเงื่อนไขต้องได้ประกันแต่“บิ๊กโจ๊ก”ปฏิเสธด้าน “พ.ต.อ.ภาคภูมิ”หนึ่งในชุดคลี่คลายคดี ระบุ อดีต ผู้การฯชลบุรี มีเวลาส่งคำให้การแก้ข้อหาภายใน5วัน อธิบายสาเหตุคุมตัว‘เป้’เข้ากองบังคับการชลบุรี-การรีดเงิน140ล้าน ก่อนเตรียมสรุปสำนวนส่ง ปปช.ภายใน30วัน ชี้มูลความผิดยกก๊วน ขณะที่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงบนกระเป๋าบรรจุเงิน28ล้านบาท
ความคืบหน้ากรณีที่นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ หรือ “เป้” เจ้าของเว็บพนันออนไลน์แจ้งจับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กับพวกนายตำรวจ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และข้อหาอื่น ๆ โดยอ้างว่า กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันอุ้มรีดเงินกว่า 140 ล้านบาท ทั้งยังอ้างประโยคที่ว่า “เป้รักผู้การเท่าไหร่…เป้เขียนมา” จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ภายหลังได้มีการโยกย้ายให้นายตำรวจที่ต้องคดีดังกล่าวพร้อมตั้งกรรมการสอบสวน และให้นายตำรวจทั้งหมดมารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหายังสโมสรตำรวจนั้น
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า สำหรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พล.ต.ต.กัมพล ที่จะต้องนำส่งให้พนักงานสอบสวนภายในระยะเวลา 5 วันนั้น เจ้าตัวไม่มีเหตุจำเป็นต้องเข้ามาเอง สามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นนำเข้ามาส่ง หรือจะเข้ามาส่งเองก็ได้ ส่วนประเด็นที่เจ้าตัวจะต้องชี้แจง เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา อาทิ ม.157 การละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ม.149 การเรียกรับผลประโยชน์, ม.309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด เป็นต้น เพื่ออธิบายว่าการนำตัวผู้ต้องหาไปพบในวันเกิดเหตุข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมจึงนำตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการจังหวัดชลบุรี และเมื่อเข้าไปพบแล้ว มีพฤติการณ์เรียกรับเงินตามที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่อย่างไร และการที่ผู้ต้องหาถูกนำตัวไปยังจุดอื่นๆหลายที่ เพราะสาเหตุอะไร ในขณะนั้นไปในสถานะใด เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ยังมีประเด็นเรื่องเงิน 140 ล้านบาท ว่าพล.ต.ต.กัมพล มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งเจ้าตัวจะต้องชี้แจงผ่านหนังสือคำให้การแก้ข้อกล่าวหาให้ครบถ้วนทุกประเด็น อาจจะระบุว่าไม่มีส่วนรู้เห็น หรือไม่ได้เรียกรับใดๆ ก็เป็นสิทธิที่สามารถให้การอย่างไรก็ได้ แต่คณะพนักงานสอบสวนก็จะนำคำให้การนั้นไปประกอบพิจารณากับพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้ และถ้ามีประเด็นใดที่พนักงานสอบสวนเล็งเห็นเพิ่มเติม เห็นควรว่าต้องเรียกมาสอบปากคำ จากนั้นจึงค่อยออกหมายเรียกต่อไป แต่ถ้าไม่มีเหตุให้สอบปากคำเพิ่มเติม ก็จะยึดในคำให้การนั้นๆ ถัดไปจึงส่งสำนวนให้กับทาง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไต่สวนในส่วนของพฤติการณ์การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีกรอบระยะเวลา 30 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่นายเป้และอดีตผบก.ภ.จว.ชลบุรี มีส่วนร่วมในการตั้งศูนย์ ศปอส.ชลบุรี พร้อมคัดเลือกตำรวจผู้ปฏิบัติงานเองนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ในประเด็นนี้เจ้าตัวก็จะต้องทำคำชี้แจงให้การเช่นเดียวกัน และพนักงานสอบสวนก็จะต้องไปตรวจสอบดู หากไม่ครบถ้วนตามประเด็น ก็อาจจะกำหนดประเด็นคำถามที่ขาดเหลือเพื่อให้เจ้าตัวตอบให้ครบ
“แม้นายเป้ในขณะนี้ยังถือว่าเป็นผู้เสียหายในคดี แต่ในอีกกรณีหนึ่งก็เป็นผู้ต้องหาในคดีจัดให้มีการเล่นการพนัน-ฟอกเงิน หากมีประเด็นใดที่ต้องสอบถามเพิ่มเติม ก็จะต้องเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานเพื่อให้ได้ข้อมูล ส่วนเรื่องเว็บพนันที่เจ้าตัวเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการต่อ ทั้งการมอนิเตอร์ และไล่ตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ รวมถึงเรื่องทรัพย์สินที่มาจากการทำเว็บพนันโดยตรง”พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าว
มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้เข้าตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงบนกระเป๋าขนาดใหญ่ที่อ้างว่าถูกนำเงินใส่ไว้แก๊ง อดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมตรวจสอบลายมือพยานอีก 4 คน จากจ.เชียงราย ที่เดินทางมายังสโมสรตำรวจเพื่อเข้ารับการสอบปากคำโดยกระเป๋าเหล่านี้เคยใช้บรรจุเงิน 28 ล้านบาท หลังจากที่นายเป้ ถูกเรียกเงินรีดไถเพิ่มเป็น 140 ล้านบาท นายเป้ จึงติดต่อไปยังเครือข่ายเว็บพนัน ที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านให้โอนเงินจำนวน 28 ล้านบาท ผ่านบัญชีม้า แล้วให้เจ้าของบัญชี ถอนเงินทั้งหมดบรรจุใส่ในกระเป๋าเดินทางใบดังกล่าว ก่อนจะจ้างวานให้พยานทั้ง 4 คน ที่เดินทางมาสอบปากคำในวันนี้ ไปส่งมอบให้ตำรวจที่เป็นเครือข่ายของอดีต ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งตำรวจนำกระเป๋าอีก 1 ใบมาเปลี่ยนถ่ายเงินออก แล้วคืนกระเป๋าใบแรกให้พยาน โดยได้นัดหมายส่งมอบเงินกันที่ วัดแสงแก้วโพธิญาน จ.เชียงราย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าในคดีดังกล่าว หลังค่ำวานนี้มีการติดตามพยาน พร้อมกระเป๋าใส่เงิน 28 ล้านบาท มาตรวจสอบขยายผล ว่า จากการสอบปากคำพยาน 4 ปาก ยืนยันไม่รู้ว่าเงินทั้ง 28 ล้านบาท เป็นเงินที่ถูกรีดไถ แต่เข้าใจว่าเป็นค่าพระเครื่อง ซึ่งสอบปากคำเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวกลับไป โดยในชั้นนี้ยังไม่มีการแจ้งดำเนินคดีใด
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งติดตามการจ่ายเงินอีก 4 จุด ที่เหลือ 1 พิกัด หมู่บ้านในพื้นที่คูคต อ.ลำลูกกา 57.2 ล้านบาท 2.พิกัดสนามบินสุวรรณภูมิ 5 ล้านบาท 3.พิกัดร้านกาแฟ โรงแรมแห่งหนึ่ง พัทยา 20 ล้านบาท 4. พิกัดร้านกาแฟแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบตัวผู้รับเงิน 2-3 จุด จากนี้จะให้พยานมาชี้ตัวบุคคล เพราะพยานสามารถจำหน้าได้ เพื่อพิจารณาออกหมายจับ หรือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป คาดว่าจะมีอีกมาก อาทิ เจ้าหน้าที่ 4-5 นาย เป็นตำรวจในสังกัด กองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และพลเรือน 4-5 นาย
ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนซึ่งยังอยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ต่างประเทศอีก 3 คน คือนายบอย, นายต้น และแฟนนายบอยนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ก่อนหน้านี้นายบอย ประสานขอเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีผ่านทางลูกน้องของตน โดยมีการยื่นเงื่อนไขว่าหากมามอบตัวจะต้องได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าวไป เพราะไม่สามารถดำเนินการตามความต้องการของนายบอยได้ จึงยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นการมอบตัว แต่อย่างไรก็ตามได้ตนประสานกองการต่างประเทศ เพื่อขออนุมัติหมายแดง เพื่อส่งหมายไปยังประเทศต้นทาง ที่นายบอย และพวก 3 คน หลบหนี เพื่อติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี