ในปัจจุบันกระแส “รักษ์โลก” ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นรวมถึงการออกแบบและใช้บรรจุภัณฑ์ยาที่เหมาะสมและสอดคล้องต่อเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามกระแสโลก โดยปัจจุบันพบว่าผู้ผลิตยาทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นและความปลอดภัยเรื่องการใช้ “ก้อนสำลีในขวดยา” กันมากขึ้น หรือก็คือ “ก้อนสำลีที่ใช้ในทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical Coil)” ซึ่งใส่ในขวดยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบใช้หลายครั้ง (Multiple Dose Container) โดยมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ยาเม็ดหรือแคปซูลเกิดความเสียหาย หรือแตกหักในระหว่างการขนส่ง
ผศ.ดร.ภก. (หญิง) กชพรรณ ชูลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชอุตสาหกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า โดยทั่วไปสำลีที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว จะทำมาจากทั้งวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ได้แก่ “ฝ้าย (Cotton)” และ “เรยอน (Rayon)” และเส้นใยที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ คือ “โพลีเอสเตอร์ (Polyester)” ซึ่งเป็นใยสังเคราะห์ที่ผลิตจาก “พลาสติก (Plastic)” ที่น่าเป็นห่วงในเรื่องการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
สำลีที่นำมาใช้บรรจุขวดยาทั้ง 3 ชนิด จะมีคุณภาพสูง แตกต่างไปจากสำลีที่ใช้ทางเครื่องสำอาง และควรได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของเภสัชตำรับ (Pharmacopoeia) เช่น เภสัชตำรับอเมริกา USP <670> AUXILIARY PACKAGING COMPONENTS ซึ่งจะมีหัวข้อทดสอบด้านต่างๆ เช่น การพิสูจน์เอกลักษณ์ (identification) ความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณกากที่เหลือจากการเผา ความชื้นที่หายไปเมื่ออบแห้ง (loss on drying) ซึ่งสำลีที่ทำมาจากวัสดุแต่ละชนิด ก็จะมีหัวข้อทดสอบและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการจำหน่ายสำลีที่ทำจากวัสดุชนิดต่างๆ รวมทั้งฟองน้ำจากพลาสติก ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป รวมทั้งช่องทางออนไลน์ กรณีที่ต้องการซื้อมาใช้เพื่อบรรจุลงในขวดยา ควรพิจารณาข้อมูลจากผู้ผลิตสำลีอย่างถี่ถ้วน เช่น ตรวจสอบใบรับรองการผลวิเคราะห์คุณภาพ (COA - Certificate of Analysis) เนื่องจากสำลีที่ใช้จะสัมผัสกับยาเม็ดหรือแคปซูลโดยตรง จึงควรเลือกใช้สำลีที่สะอาด ได้มาตรฐานเภสัชตำรับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนจากสารเคมีตกค้าง จุลชีพ และอื่นๆ ที่อาจทำให้ตัวยาเสื่อมสลาย หรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
เมื่อผู้บริโภคเปิดขวดบรรจุภัณฑ์แล้วพบสำลี ควรหยิบออกไปทิ้งไม่ควรใส่กลับเข้าไปในขวดยาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปนเปื้อนของยาจากสิ่งสกปรกภายนอก รวมทั้งความชื้นที่อาจทำให้ตัวยาเสื่อมสลายได้ทั้งนี้ “หากคำนึงในแง่ของความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันยังไม่มีข้อกฎหมายบังคับให้ระบุวิธีกำจัดสำลีที่เหมาะสมบนฉลากหรือเอกสารกำกับยา เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าควรทิ้งลงถังขยะประเภทใด จึงอาจทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้” โดยเฉพาะสำลีที่ทำมาจากพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้
ผศ.ดร.ภก.(หญิง) กชพรรณ ยังฝากถึงผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยว่า ควรพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องใช้สำลีบรรจุในขวดยาหรือไม่ รวมทั้งพิจารณาความเสี่ยงเรื่องการปนเปื้อนของยาเม็ดและแคปซูลจากสารเคมีตกค้างในสำลี และการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะสำลีที่ทำจากฝ้ายซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หากจำเป็นต้องใช้สำลีบรรจุในขวดยา ควรเลือกสำลีที่ได้มาตรฐานตามเภสัชตำรับ และอาจระบุบนฉลาก และ/หรือเอกสารกำกับยา เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคทราบว่าควรกำจัดทิ้งอย่างไร
ในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ยามีแนวโน้มเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น แผงบลิสเตอร์ หรือขวดพลาสติกที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งผู้ผลิตมักหยิบยกนำมาเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน เพื่อแสดงจุดยืนที่ต้องการจะดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ผู้บริโภคที่กังวลเรื่องขยะพลาสติกสามารถเลือกซื้อได้อย่างสบายใจ!!!
มหาวิทยาลัยมหิดล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี