ดีเอสไอแจง
ตรวจพบที่มาเงิน5หมื่น
‘อภิรักษ์’โอนให้‘เพชรจ้า’
เรียกเข้าชี้แจง17ส.ค.
‘ฟิล์ม’เงินเข้าบัญชี8หมื่น
ดีเอสไอแจงปมออกหมายเรียกพยาน คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D อีก 11 คน กำหนดเข้าให้การต้นเดือน สิงหาคมเป็นต้นไป ขณะที่ “ดีเจเพชรจ้า-ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยันพร้อมไปชี้แจงข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี Forex-3D หลังมีข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพยานในคดีเพิ่มเติม รวม 11 คน ซึ่งมีดารานักแสดงชื่อดังรวมอยู่ด้วยว่า ใน 11 คน แยกเป็น 2 คดี คือ พยานในคดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D มี 3 คน เป็นกลุ่มคนใกล้ชิดของนายขุนณรงค์ หรือ กระทิง นักแสดง ผู้ที่เคยถูกเรียกมาให้การในฐานะพยานก่อนหน้านี้ซึ่ง 1 ใน 3 คน มีนักแสดงผู้เป็นแฟนสาวนายกระทิง รวมอยู่ด้วย ส่วนพยานอีก 8 คน เรียกเข้าให้การในคดีฟอกเงิน อันเป็นคดีเกี่ยวเนื่องกันกับคดีแชร์ลูกโซ่ ซึ่งในจำนวนนี้ 2 คน คือ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม กับนายวิเชียร กุศลมโนมัย หรือ ดีเจเพชรจ้า
พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า ตามหมายเรียกที่ส่งไป 11 หมายนั้น กำหนดนัดต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ซึ่งแต่ละคนพนักงานสอบสวนแจ้งกำหนดนัดในวันเวลาที่แตกต่างกัน เบื้องต้นมีบางคนที่ติดต่อกลับมาขอเลื่อนนัดบ้างแล้ว ขณะที่บางคนขอให้การลายลักษณ์อักษร แต่พนักงานสอบสวน ยืนยันว่า ในการให้การในครั้งแรกจำเป็นจะต้องมาพบพนักงานสอบสวนและให้การด้วยตัวเองเท่านั้น เพื่อความชัดเจนในการซักถามข้อมูลและเป็นประโยชน์แก่ตัวพยานเอง ซึ่งหลังจากสอบคำให้การเสร็จกรณีมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือพยานต้องการชี้แจงเรื่องใดเพิ่มเติมจึงจะอนุญาตให้ชี้แจง ทางเอกสารได้
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า สำหรับการชี้แจงของนายวิเชียร กุศลมโนมัย หรือดีเจเพชรจ้า ต่อสาธารณชนก็สามารถกระทำได้เพราะเป็นสิทธิ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ถึงอย่างไรแล้วนายวิเชียรก็ต้องเข้ามาให้การกับดีเอสไออย่างเป็นทางการอีกครั้ง เนื่องจากประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ส่วนจำนวนเงินจะมากหรือน้อยนั้นไม่เกี่ยว เพราะพนักงานสอบสวนจะพิจารณาเรื่องนิติสัมพันธ์หรือสัญญาหรือข้อตกลงต่างๆ ที่มีผลทางกฎหมาย ของบุคคลทั้ง 2 ถึงต้องเรียกมาให้ข้อมูล การรู้จักกันหรือไม่ ทำไมถึงต้องไปทำงาน หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น ซึ่งทางผู้เกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจง
ทั้งนี้ การที่เป็นข่าวออกไปนั้น ดีเอสไอไม่อยากให้สาธารณชนมารับรู้ภายหลังว่าเรียกดาราสอบแล้วทำไมไม่เห็นแจ้งต่อสาธารณะเลย เพราะคดีเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินที่ถูกแปรสภาพไป หรือใช้เงินที่ได้ไปจากผู้เสียหายในคดีนี้เข้าสู่กระบวนการฟอกเงินอีกจำนวนมาก ดังนั้นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็ต้องพยายามสืบหาทรัพย์สินให้ได้
อย่างไรก็ตาม วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ แถลงชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเพื่อให้สังคมรับทราบถึงหลักการดำเนินการของทางดีเอสไอ
ขณะที่ดีเจเพชรจ้า ชี้แจงผ่านอินสตาแกรม พร้อมแสดงหลักฐานที่มาของเงิน 50,000 บาท พร้อมยืนยัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงใคร กรณีพบการโอนเงินจากนายอภิรักษ์ เนื่องจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ได้รับงานโปรโมทโชว์รูมรถหรูกับบุคคลคนหนึ่งที่ติดต่อเข้ามา โดยไม่ทราบว่าเป็นนายอภิรักษ์ ซึ่งหลังได้รับการติดต่อจากดีเอสไอก็พร้อมไปชี้แจงในวันที่ 17 สิงหาคม
ส่วน”ฟิล์ม-รัฐภูมิ” นักร้องและนักแสดง ที่ได้รับหมายเรียกเช่นกัน เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะมาจากกรณีเมื่อปี 2561 บริษัท นายอภิรักษ์ โกฎธิ ได้ว่าจ้างบริษัทตนเองทำเกมบนมือถือ บริษัทนายอภิรักษ์ จึงต้องโอนเงินจ่ายค่าทำเกมให้บริษัทจำนวนหลายล้านบาท ซึ่งแม้ตนเองจะเป็นประธานบริษัท แต่ก็ไม่ทราบจำนวนเงินที่แน่ชัดเจน เพราะช่วงนั้นนายอภิรักษ์จ่ายค่าทำเกมมาเพียงไม่กี่งวดก็ถูกจับกุมทำให้ชำระเงินไม่ครบแต่ก็น่าจะไม่ถึง 10 ล้าน อย่างไรก็ตาม ตนและบริษัทมีหลักฐานแน่นหนา ขณะที่ทีมทนายก็กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูล เพื่อชี้แจงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ซึ่งนัดวันที่ 8 สิงหาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี