กทม. รับฟังความคิดเห็นจัดทําร่างผังเมืองรวม(ปรับปรุงครั้งที่ 4) แนวทางผังใหม่ลดพื้นที่เขียว-เขียวลาย สร้างชุมชนชานเมือง หนองจอก-มีนบุรี แผนขยาย 3 คลอง แก้น้ำท่วมฝั่งตะวันออก คาดได้ประกาศใช้ปี 2568
กรุงเทพมหานครโดยสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจัดทําร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) โดยนายณรงค์ เรืองศรี
รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดการประชุม โดยผังเมืองรวมที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เป็นผังปรับปรุงครั้งที่ 3 ประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 จนถึงวันนี้เป็นเวลา
10 ปีแล้ว ซึ่งกรุงเทพมหานครมีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายในหลายด้าน จำเป็นต้องปรับปรุงผังเมืองฉบับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเมืองปัจจุบัน รวมถึงเตรียมรับอนาคตที่จะเปลี่ยนไปอีกด้วย
“กรุงเทพมหานครมีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งในเรื่องโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนความไม่สอดคล้องของข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปที่มีการพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การต้องเผชิญกับโรคอุบัติใหม่ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นต้องทบทวนและปรับปรุงผังเมืองรวมให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย” รองปลัดฯ ณรงค์ กล่าว
เมื่อถามถึงความแตกต่างของผังเมืองรวมฉบับใหม่ ฉบับ(ปรับปรุงครั้งที่ 4) จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมาบ้าง นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กล่าวสรุปให้ฟังว่า ผังเมืองรวมฉบับใหม่นี้จะมีความเปลี่ยนแปลงไปจากผังเดิมปี 2556 อย่างแน่นอน โดยจะดูหลายมิติ ในเรื่องของการใช้พื้นที่โซนต่างๆ การพัฒนาเมืองด้านใน พื้นที่สีแดง สีส้มจะเพิ่มมากขึ้น
ส่วนพื้นที่สีเขียวและเขียวลาย จะแก้พื้นที่และใส่เงื่อนไขการใช้พื้นที่ให้มีการใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่ชานเมือง ลดพื้นที่เกษตรกรรมที่มีอยู่มากซึ่งข้อเท็จจริงการทำการเกษตรในกรุงเทพฯ มีปัญหาน้ำหนุน น้ำเค็ม น้ำแล้ง ผลผลิตที่ได้ไม่ได้เพิ่มมูลค่าเท่าที่ควร พื้นที่สีเขียว ที่เดิมทำบ้านจัดสรร บ้านขนาดเล็ก อาคารพาณิชย์ ตลาด ห้าง รีสอร์ทไม่ได้ ก็จะใส่เงื่อนไขให้ทำได้ แต่มีกำหนดเรื่องขนาดพื้นที่และความสูง จะเกิดการกระจายชุมชนเกิดการสร้างงานตามหัวเมือง เกิดเมืองใหม่ขึ้น มีศูนย์คมนาคมเชื่อมการเดินทางตัวเมืองชั้นในกับชานเมือง อนาคต พื้นที่หนองจอก มีนบุรี มีโอกาสพัฒนาเป็นเมืองใหม่ได้ เหมือนรังสิต ปทุมธานี
โดยการใช้ประโยชน์พื้นที่สีเขียวและเขียวลาย เป็นบ้านจัดสรร เกิดเมืองใหม่นั้น จะมองถึงประชาชนที่มีรายได้น้อยที่จะมีโอกาสได้มีบ้านพักเล็กๆ ราคาไม่แพง มีสังคมชุมชนเล็กๆ ไม่ต้องอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด การเดินทางของประชาชนในกรุงเทพฯ ก็จะใกล้ขึ้น สถาบันครอบครัวก็จะอบอุ่น และเมื่อลดพื้นที่เขียวลาย ในส่วนพื้นที่รับน้ำ อนาคตในแผนป้องกันน้ำท่วม ของกทม. มีแผนขยายคลอง 3 สาย ในพื้นที่ตะวันออก คือ คลองแปด คลองสิบเอ็ด และคลองสิบสอง จะรับน้ำได้ 300 กว่าคิว จากเดิมที่รับได้ 100 กว่าคิว ก็จะแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ตะวันออกได้
“ผังเมืองรวมฉบับใหม่ จะมองทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ ด้านสังคม ปัญหาจราจร ปัญหาน้ำท่วม ดูไปถึงสังคมรากหญ้าด้วย ทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์จากผังใหม่นี้ เป็นการพัฒนาเมืองในภาพรวม และแก้ปัญหาสังคมไปด้วย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยว มาตรการผังเมืองใหม่จะช่วยแก้ปัญหาในหลายๆ ด้าน” นายไทวุฒิ ระบุ
ส่วนพื้นที่ชั้นใน เกาะรัตนโกสินทร์ จะเปิดโอกาสให้เอกชนพัฒนาได้ เดิมที่คุมเข้มมากเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ก็จะสามารถพัฒนาพื้นที่ของตัวเองดัดแปลงอาคารเก่าได้ รวมถึงพื้นที่สีน้ำเงิน สถาบันราชการ ก็จะเปิดกว้างให้ใช้พื้นที่ได้มากขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะใช้พื้นที่ในโครงการภาครัฐ กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ริมคลอง กรุงเทพฯมีผู้บุกรุกใน 1,000 กว่าคลอง ก็จะใช้พื้นที่สีน้ำเงิน มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยอพยพคนขึ้นจากริมคลอง โดยประสานกับ พอช.สร้างบ้านมั่นคง ไม่จำเป็นต้องไปสร้างบ้านริมคลอง ภูมิทัศน์จะดีขึ้น คลองรับน้ำได้มากขึ้น เป็นมุมมองในการพัฒนาเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการผังเมือง ให้ดำเนินการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) โดยมีแนวคิดการวางผังด้านต่างๆ ประกอบด้วย 1.ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน มีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจำแนกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งพาณิชยกรรม แหล่งอุตสาหกรรมและคลังสินค้า แหล่งอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม และสถาบันราชการ การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 2.ด้านพื้นที่โล่ง มีแนวคิดกำหนดให้มีพื้นที่สีเขียวประเภทสวนสาธารณะ ทั้งในระดับเมือง ย่านและชุมชน รวมทั้งพื้นที่สีเขียวริมถนน และริมแม่น้ำ 3.ด้านการคมนาคมและการขนส่ง กำหนดให้มีถนนสายประธาน ถนนสายหลัก และถนนสายรอง รองรับโครงข่ายที่มีความสมบูรณ์ ตลอดจนการพัฒนาบริเวณพื้นที่เปลี่ยนถ่ายการสัญจร รวมถึงการเชื่อมต่อ การคมนาคมและการขนส่งทางน้ำและทางอากาศ โดยมีศูนย์คมนาคม 3 ศูนย์ ได้แก่ บางซื่อ มักกะสัน และวงเวียนใหญ่
4.ด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการสาธารณะ มีแนวคิดกำหนดที่ตั้งโครงข่ายและขอบเขตพื้นที่การให้บริการระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ และที่ตั้งของสาธารณูปการขั้นพื้นฐานระดับเมือง เช่น สวนสาธารณะ สถานศึกษา 5.ด้านแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการกำหนดแผนผังของแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและศิลปกรรมในผังเมืองรวมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้มีบริเวณพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน พื้นที่เพื่อการเกษตร และพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของซาติและท้องถิ่น 6.ด้านบริหารจัดการน้ำ มีแนวคิดกำหนดให้มีระบบการป้องกันน้ำท่วมและการระบายน้ำ รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมการพัฒนาและสร้างความเป็นธรรมแก่ภาคเอกชนและประชาชน เช่น มาตรการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน ( FAR Bonus) มาตรการโอนสิทธิการพัฒนา (TDR) และมาตรการวางผังโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ (PUD) เป็นต้น
ที่ผ่านมา สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ได้จัดประชุมมาแล้ว 4 ครั้ง ส่วนการประชุมครั้งนี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็นควบคู่กับการหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีการบรรยายสาระสำคัญประเด็นการพิจารณา โดยรองศาสตราจารย์ ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ ที่ปรึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน และแบ่งกลุ่มย่อยบรรยายแนวทางการจัดทําร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ดังนี้ 1.ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินและการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ที่ปรึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งได้สรุปประเด็นสำคัญว่า หลักการใช้ประโยชน์ที่ดิน คือการปรับโครงสร้างของเมืองให้สอดคล้องไปกับการพัฒนาระบบราง โดยให้เกิดการพัฒนาพื้นที่บริเวณใกล้สถานีระบบขนส่งมวลชน เช่น สร้างที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม การกำหนดความสูงจำนวนชั้น มีผลกับจำนวนประชากรที่จะไปอาศัยอยู่ ในระยะให้บริการของสถานี ก็จะมีโอกาสเกิดใช้ระบบขนส่งระบบรางมากขึ้น โดยต้องทำให้ที่อยู่อาศัยและพื้นที่เป้าหมายของการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในระยะที่เดินทางได้เหมาะสมด้วยระบบขนส่งมวลชน จะลดปัญหารถติด ลดคาร์บอน และคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้นโดยลงรายละเอียดของกิจการที่สามารถทำได้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม จัดระเบียบโซนนิ่งการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เหมาะสมกับสภาพเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการวางผังอนาคต ที่จะรองรับจำนวนประชากรของกรุงเทพฯ ที่จะเพิ่มขึ้นราว 2 ล้านคน ในอีก 15 ปีข้างหน้า
2.ด้านการคมนาคมและการขนส่ง สาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการสาธารณะ โดย อาจารย์ธนิชา นิยมวัน ที่ปรึกษาด้านการคมนาคมและการขนส่ง ให้ข้อมูลว่า กรุงเทพมหานครมีการลงทุนระบบขนส่งหลัก โครงการรถไฟฟ้าไปแล้วเกือบครบทุกสาย ที่จะทำในผังใหม่นี้คือ เพิ่มระบบฟีดเดอร์ ขนส่งสายรอง หรือสายย่อย ส่งคนเข้าไปสู่สายหลักเช่น รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ในถนนสายรอง ซอยย่อยรวมถึงมองไปอนาคต ที่จะใช้ยานพาหนะสมัยใหม่ อย่างรถไฟฟ้า เช่น สองแถวไฟฟ้าหรือ รถ AV (ขับเคลื่อนอัตโนมัติ)เช่น ชัตเติลบัสขับเคลื่อนได้เอง ควบคู่กับแอปพลิเคชั่นที่สามารถเรียกรับส่งได้เมื่อต้องการ ซึ่งจะต้องมีการวางแผนระบบร่วมกับหลายหน่วยงาน โดยจะทำจุดบริการที่ศูนย์ชุมชนชานเมือง ศูนย์ขนส่งขนาดใหญ่ ที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายของระบบหลักรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ รวมกว่า 100 จุด
และ 3.ด้านการบริหารจัดการน้ำและการจัดให้มีที่โล่ง โดย ดร.กาจวิศว์ กล้าหาญ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ผู้แทนสภากทม. ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ประกอบการ องค์กรและสมาคมวิชาชีพ หน่วยงานเกี่ยวข้อง และประชาชน กว่า 500 คน ร่วมประชุมก่อนนำไปจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ต่อไป
ซึ่งหลังจากที่กรุงเทพมหานครจัดทำร่างผังเมืองรวมเสร็จเรียบร้อยแล้วจะประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอีกครั้ง คาดจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566 นี้จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยื่นเสนอร่างผังเมืองรวมฯ ไปยังคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กระทรวงมหาดไทย) เมื่อผ่านแล้วจะนำกลับมาเข้าสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบ จึงจะประกาศราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับจากที่คาดการณ์น่าจะได้ใช้ผังเมืองรวมฉบับใหม่ในปี 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี