วันที่ 4 ส.ค.66 ที่ห้องพนมนาคา ชั้น 5 สำนักงานอธิการอธิการบดี มหาวิทยาลัยนครพนม ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม ได้จัดเวทีนำเสนอวิสัยทัศน์ นโยบาย และแผนบริหารมหาวิทยาลัย ของผู้เข้าสู่กระบวนการสรรหาเป็นอธิการบดี ม.นครพนม ต่อคณะกรรมการสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ถือเป็นหัวเรือใหญ่ในการกลั่นกรอง รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้การสรรหาอธิการบดีเกิดความโปร่งใสต่อประชาคมมหาวิทยาลัยฯและสังคมภายนอก โดยการนำของ รศ.ดร.อธิคม ฤกษบุตร เป็นประธานกรรมการฯ และมีบุคคลภายในและบุคคลภายนอก เข้าร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาฯได้ให้ผู้นำเสนอวิสัยทัศน์ทั้ง 8 คนจับสลากเรียงลำดับ มีรายชื่อดังนี้ 1.รศ.ดร.กรไชย พรลภัสรชกร 2.ผศ.ดร.กัญลยา มิขะมา 3.ศ.ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ 4.ศ.ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร 5.ผศ.ดร.วิชัย พัฒนพล 6.รศ.ดร.คำรณ สิระธนกุล 7.รศ.ดร.จำนง วงษ์ชาชม และ 8.นายสมยศ สีแสนซุย
เวทีการแสดงวิสัยทัศน์ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น.โดยทางคณะกรรมการฯให้เวลาแก่ผู้เข้าสู่กระบวนการสรรหาฯคนละ 20 นาทีและเปิดโอกาสให้ตอบคำถามจากผู้เข้าร่วมรับฟังในห้องประชุม และผู้ที่รับชมทางออนไลน์อีก 10 นาที รวมแล้วไม่เกิน 30 นาที โดยตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความเข้มข้น เรียกได้ว่าแต่ละคนทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการตอบคำถามเรื่องแผนการพัฒนามหาวิทยาลัย และการดำเนินงานด้านความโปร่งใสขององค์กร ที่เป็นคำถามยอดฮิตจากผู้ชมที่อยู่ในห้องประชุม และคนดูที่รับชมผ่านระบบทางออนไลน์ โดยผู้นำเสนอทั้ง 8 คน ได้นำเสนอทางออก หรือที่เรียกว่าแนวปฏิบัติแตกต่างกันออกไป
เช่นเดียวกับลีลาการนำเสนอบนเวทีที่แต่ละคนนำมาโชว์เพื่อแสดงถึงสปิริตความเป็นผู้นำ โดย 1 ใน 8 คือ รศ.ดร.จำนง วงษ์ชาชม หลักจากจบการนำเสนอได้เดินเข้ามาจับมือและทักทายผู้ที่มาร่วมให้กำลังใจภายในห้องประชุม ก่อนจะเดินออกไปด้านหลังห้องประชุม ส่วนนายสมยศ สีแสนซุย ซึ่งเป็นรักษาราชการแทนอธิการบดีฯ วันนี้ที่ห้องรับรองมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมชูสองนิ้ว เพื่อแสดงถึงความมั่นใจ ก่อนจะเดินเข้ามายังห้องประชุมแสดงวิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้าย
ด้าน รศ.ดร.อธิคม ฤกษบุตร ประธานกรรมการสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยว่า การสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนมไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้วในกระบวนการเช่นนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามหาวิทยาลัยต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งวันนี้มีการรับชมจากผู้ชมภายนอกเป็นจำนวนมากผ่านทางระบบออนไลน์ นั่นก็หมายถึงทุกคนยังให้ความสำคัญ เพราะมหาวิทยาลัยนครพนมเป็นองค์กรหนึ่งที่สำคัญของจังหวัด ส่วนเรื่องกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ คณะกรรมการสรรหาทุกคนยึดมั่นในกระบวนการที่ถูกต้อง ทำตามข้อบังคับ ข้อระเบียบ และไม่มีการแทรกแซงกระบวนการ เพราะต้องการให้เกิดความโปรงใสต่อประชาคมทุกภาคส่วน
“ทุกครั้งที่มีการประชุมสรรหาผมจะย้ำเสมอขอให้กรรมการฯ วางตัวเป็นกลาง พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะจำนวนทั้ง 8 คน ยกเว้นในกรณีจำเป็น นั่นก็หมายความว่าเจตนารมณ์ของเราทุกคน ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องโปร่งใส แม้ว่าเราจะหนักใจแต่เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันถูกต้อง และเราทำได้ดีที่สุด หวังว่าครั้งนี้ มนพ. จะลุกก้าวเดินไปข้างหน้าเหมือนกันพวกเราทุกคนคาดหวัง รวมทั้งกรรมการสรรหาทุกคนอยากให้เป็นเช่นเดียวกัน”
โดยเวทีการแสดงวิสัยทัศน์มีขึ้น 2 วันคือ วันที่ 3 ส.ค.66 เป็นการเปิดตัวผู้เข้าสู่กระบวนการสรรหาฯ แสดงวิสัยทัศน์ แนวคิด นโยบาย และแผนบริหารมหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) วันที่ 4 ส.ค.66 เป็นรอบสัมภาษณ์ โดยไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ารับฟัง จะมีเฉพาะกรรมการฯกับผู้เข้ารับการสรรหาเท่านั้น และผู้เข้ารับการสรรหาจะถูกยึดโทรศัพท์ไว้ และต้องอยู่ในห้องรับรองเพียงอย่างเดียว จนกว่ากระบวนการสรรหาจะสิ้นสุด จากนั้นในวันที่ 5 ส.ค.66 คณะกรรมการฯจะเข้าประชุมประมวลผล และทำการคัดเลือกให้เหลือเพียงจำนวน 3 คน ก่อนที่จะสรุปกระบวนการสรรหาอธิการบดีฯ เสนอต่อที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยนครพนมที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค.66นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ก่อตั้ง ม.นครพนม เข้าสู่ปีที่ 18 มีอธิการบดีตัวจริงเพียง 2 คนเท่านั้นคือ 1.รศ.ดร.สุวิทย์ เลาหศิริวงศ์ และ 2.รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ส่วนอีก 11 คนเป็นรักษาการทั้งสิ้น อีกทั้งตำแหน่งระดับผู้อำนวยการ (ผอ.) ในกองต่างๆ ก็มีตำแหน่งเป็นรักษาการเช่นเดียวกันทำให้การบริหารหรือการพิจารณาขั้นเงินเดือนมีปัญหาจนกลายเป็นช่องโหว่ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส ทำให้ ม.นครพนมประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ มีช่วงปีการศึกษาปีหนึ่ง ม.นครพนม มีนักศึกษาแค่ 904 คนถือว่าต่ำที่สุด ส่วนในการเรียนการสอน มี 46 หลักสูตร บางหลักสูตรไม่มีนักศึกษาเรียนเลย ดังนั้น การสรรหาอธิการบดีฯครั้งนี้ ผู้เสนอตัวถ้าได้รับการสรรหาต้องทำงานหนักหลายเท่าตัว เนื่องจาก ม.นครพนม ไม่มีเงินเพียงพอในการบริหาร พัฒนา และขับเคลื่อน รวมทั้งการแตกแยกกันในองค์กร ล้วนเกิดจากเนื้อในที่สะสมมานานกว่า 10 ปี - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี