นายกรัฐมนตรีนำคณะ ลงพื้นที่นราธิวาส เยี่ยมผู้บาดเจ็บ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุโกดังพลุระเบิด ให้กำลังใจ ขอให้เข้มแข็ง อย่ากังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล รัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ ย้ำต้องมีงบไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ขณะที่ “มท.1” เร่งหาแหล่งเงิน เยียวยาเพิ่มเหยื่อ ย้ำดำเนินคดีเจ้าของโกดังและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนคนในพื้นที่อยากเห็นเจ้าหน้าที่ลุยกวาดล้างส่วยอย่างจริงจัง
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และคณะฯ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์โกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมกับตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านที่ได้รับความเสียหาย โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัด พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมลงพื้นที่ด้วย
ซึ่งจากการสำรวจพบบ้านเรือนเสียหาย จำนวน 682 หลัง เสียหายทั้งหลัง จำนวน 88 หลัง เสียหายบางส่วน จำนวน 200 หลัง เสียหายเล็กน้อย จำนวน 394 หลัง โดยทหารช่างกรมทหารพรานที่ 48 ร่วมกับกรมทหารพรานที่ 45 ได้ทำการซ่อมแซมเสร็จแล้ว จำนวน 46 หลัง ปัจจุบันทหารฯ อยู่ระหว่างเร่งซ่อมบ้านเรือนทึ่เสียหายเล็กน้อยแล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ เน้นย้ำให้ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียให้มีความมั่นคงแข็งแรงกว่าเดิม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคให้ประชาชนกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม ยืนยันรัฐบาลจะทำให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง รวมถึงจะมีการจัดรูปที่ดินผ่านการทำประชาคมเป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และความสวยงามของพื้นที่ ในส่วนของการดำเนินคดีฯ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนได้เสียอย่างเด็ดขาด
ระหว่างเดินสำรวจ นายกฯ ได้ทักทาย ให้กำลังใจประชาชน พร้อมให้คำมั่นสัญญายืนยันว่า จะเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ขออย่าได้กังวล นายกรัฐมนตรีเข้าใจความรู้สึก เห็นใจความเดือดร้อนของทุกคน การให้ความช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการดูแลช่วยเหลือให้ประชาชนมีความสุข พร้อมกับย้ำว่า ไม่ต้องขอ รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี พร้อมจะทำให้ และยังกล่าวอีกว่า ผู้ประสบภัยมีความเข้มแข็งมาก ยังมีรอยยิ้มสู้กับปัญหา ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ เราจะก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน นี่คือความเป็นคนไทย
นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณจิตอาสาจากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือร่วมแรงช่วยกันแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้าน แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจของคนไทย ขอให้ทุกคนมีรอยยิ้ม รอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่น รอยยิ้มแห่งความจริงใจ รอยยิ้มของการช่วยเหลือ ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า จะทำหน้าที่เพื่อประชาชนให้ดีที่สุดในขณะที่ยังทำหน้าที่รัฐบาล โอกาสนี้ ผู้แทนชาวบ้านได้กล่าวขอบคุณนายกฯ ที่ลงพื้นที่มาเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบเหตุทำให้ประชาชนมีกำลังใจที่ดีขึ้น โดยนายกฯ ได้มอบเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน 9 ราย
จากนั้น เวลา 11.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ รพ.สุไหง-โกลก โดยขอให้ผู้บาดเจ็บเข้มแข็ง อย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่าย รัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ขอให้ผู้บาดเจ็บหายดี มีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทุ่มเทรักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ หากต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือสิ่งไหนขอให้บอก รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โอกาสนี้นายกฯได้ทักทายผู้ป่วยทั่วไปที่รักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อมกล่าวว่า”รักทุกคนไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาไหน ล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน”เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางกลับกรุงเทพฯเวลาประมาณ 12.45 น.
ต่อมา เวลา 13.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ( บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ถามว่า จะต้องมีงบประมาณอะไรลงไปช่วยเหลือในกรณีพิเศษหรือไม่ว่า ต้องมีอยู่แล้วเดี๋ยวคอยฟังดู มีทั้งงบปกติและงบทดลองจ่าย เขาก็มีอยู่แล้วและต้องดูงบกองทุนภาคส่วนราชการต่างๆ เขามีตัวเลขทั้งหมดอยู่แล้ว ต้องดูงบกองทุนที่รัฐบาลได้ตั้งไว้รับบริจาคร่วมกันมาทั้ง ครม.และคนภายนอกนำมารวมกันก็เพียงพอที่จะเพิ่มเติมให้ เพราะบ้านที่เสียหายมีหลายลักษณะด้วยกัน พังทั้งหลัง หรือ30-70%อะไรทำนองนี้ มีการประชุม ซึ่งตนได้สั่งไปหลายวันแล้วว่าจะดูแลอะไรอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุด เราต้องทำให้ดีกว่าเดิม ทั้งสิ่งแวดล้อม พื้นที่ ถนน อะไรต่างๆให้มันดูเรียบร้อยขึ้น ก็ดีตอนนี้ชาวบ้านตอบรับดี เอากำลังใจไปให้เขาก่อนแล้วบอกเขาว่าขอให้มั่นใจรัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ อะไรที่เป็นความทุกข์ของประชาชนเราดูแลอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการอะไรก็ต้องทำอีก ไม่รู้จะต้องรักษาการไปอีกนาน
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่จะดูแล โดยเฉพาะในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดมีปัญหาทั้งเรื่องความแออัด และปัญหาน้ำท่วม จึงจะใช้แนวทางการปฏิรูปที่ดินเพื่อจัดรูปแบบใหม่ ซึ่งวันนี้ได้เตรียมทางเลือกมารายงานให้นายกฯ รับทราบแล้วก่อนจะนำไปให้ประชาชนพิจารณา รวมถึงจะมีการพิจารณาเรื่องแหล่งเงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอยู่ดีกินดีขึ้น
ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าวงเงินที่ใช้ในการฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์นี้น้อยไปนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด จากแหล่งเงินหลายแห่ง หากดูตามประวัติศาสตร์ การจ่ายเงินเกินอำนาจเป็นไปไม่ได้ กฎหมายอนุญาตให้จ่ายได้เท่าไหร่ รัฐพยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของผู้เสียชีวิตกว่า 10 ราย
เมื่อถามถึงการดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังที่หลบหนีไปต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ขอให้ประชาชนเข้าใจ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบุคคลที่ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้น.
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้ลงมาติดตามคดีโกดังเก็บพลุระเบิดที่ ต.มูโนะ และได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงการล้างบาง ขบวนการส่วยในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมืองชายแดนที่ติดกับ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียและกลายเป็นประเด็นที่ “โซเชียล”ในพื้นที่ ต่างนำเสนอข่าวและออกมาแฉถึงพฤติกรรมการเก็บส่วยของผู้เจ้าหน้าที่และฝากความหวังที่จะเห็นการล้างบางของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
โดยหลังเกิดการระเบิดที่ตลาดมูโนะ และมีการสั่งย้าย 4 เสือ และ 1 จ่า ของ สภ.มูโนะ ทำให้ธุรกิจผิดกฎหมายใน ต.มูโนะ และ สุไหงโก-ลก มีสภาพของความเงียบเหงา ท่าเรือเถื่อนแม่น้ำสุไหงโก-ลก ทั้ง 2 จุด ที่ ต.มูโนะ ซึ่งห่างจาก ตลาดมูโนะ ที่ถูกระเบิดทำลายร้างเพียง 200 เมตร มีสภาพเงียบเหงา เพราะทหารเข้าทำการปิดกั้น ทำให้ไม่มีการส่งสินค้าเถื่อนข้ามแดน เรือรับจ้างขนสินค้าจอดเทียบท่า ธุรกิจการค้าชายแดนหยุดชะงัก
แหล่งข่าวที่ทำธุรกิจเถื่อนรายหนึ่งเปิดเผยว่าการทำธุรกิจผิดกฎหมายใน อ.สุไหง-โกลกจ.นราธิวาส ต้องจ่ายส่วย ที่คนในพื้นที่เรียกว่า “จ่ายรายการ” ให้กับเจ้าหน้ากว่า 30 หน่วยงาน โดยเฉพาะตำรวจที่ต้องจ่ายซ้ำซ้อน ตั้งแต่ โรงพัก กองกำกับ กองสืบ การข่าว สืบภาค กองปราบฯ ไซเบอร์ สันติบาล ตร.รถไฟ ตำรวจน้ำ แม้แต่ตำรวจป่าไม้ ก็มีการมาเก็บส่วยทุกเดือน และยังมีนักบินจากส่วนกลางอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังต้องจ่ายให้กับฝ่ายปกครอง ที่มีการเรียกเก็บหนักกว่าตำรวจ โดยเฉพาะในกิจการที่ฝ่ายปกครอง เป็นผู้ออกใบอนุญาต เช่น การพนันประเภทที่ 5 นวดแผนโบราณ ห้องอาหาร สถานบันเทิง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีการค้าประเวณี จะต้องมีการทำบัญชีเป็นรายหัวของหญิงบริหาร และมีการจ่ายส่วยเป็นรายหัว หัวละ 1,000 บาทต่อเดือน แม้แต่ร้านค้าสินค้าหนีภาษี เช่น ขนมนมเนยที่เป็นของมาเลเซีย ก็ต้องจ่ายรายการให้กับฝ่ายปกครอง โดยแม่ค้าขายน้ำมันเถื่อน ที่นำน้ำมันเถื่อนจากมาเลเซียมาบรรจุขวดขาย ก็ต้องจ่ายให้ฝ่ายปกครองเดือนละ 500 บาท โดยจะมี “หัวเบี้ย” เป็นผู้รับผิดชอบในการเก็บส่วย ที่อ้างว่าต้องไปจ่ายให้กับฝ่ายปกครอง
ประชาชนในพื้นที่รายหนึ่ง เปิดเผยว่าอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำการล้างบางเรื่องส่วย ใน อ.สุไหงโก-ลก อย่างจริงจัง เพราะเรื่องส่วยที่ ต.มูโนะ เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ถ้าเทียบกับส่วยใน อ.สุไหงโก-ลก และผู้ค้าพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ รายที่ใหญ่กว่าเจ้าของโกดังที่เกิดเหตุระเบิด ที่จ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ อยู่ใน โก-ลก แต่ไม่เคยถูกจับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี