รองอธิบดีควบคุมโรคห่วง ฝีดาษวานรในไทยเริ่มพุ่ง ระยะหลังเป็นชายทั้งหมด มีเซ็กซ์ไม่ปลอดภัย เกือบครึ่งติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย ห่วงบางส่วนรู้ตัวกินยาต้านแล้วบางคนอาจไม่รู้ตัวติดเอชไอวี หวั่นทำภูมิคุ้มกันลดฮวบ เปิดช่องเชื้อฉวยโอกาสคร่าชีวิต ซ้ำรอยหนุ่มวัย34 ปี เสียชีวิตรายแรก เผย3จังหวัดสีแดงติดเชื้อสูง’กรุงเทพฯ-นนทบุรี-ชลบุรี’
เมื่อวันที่ 20สิงหาคม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ว่า โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสโดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ เช่น ไปสัมผัสผิวหนังบริเวณที่เป็นตุ่มหนอง แล้วรับเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านทางผิวหนังเรา ที่ตอนนั้นอาจจะมีผิวแตก หรือเป็นแผลก็ได้ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยถือว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยังมีความสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ติดเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว และสามารถแพร่ต่อได้
ทั้งนี้ ช่วงแรกประมาณเดือนก.ค. 2565-เม.ย.2566 จะเป็นต่างชาติจำนวนหนึ่ง แต่ในการติดเชื้อช่วงหลังๆ นี้ผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนต่างชาติที่ติดเชื้อช่วงหลังก็เป็นการมาติดเชื้อในประเทศไทย ไม่ใช่เป็นการนำเชื้อมาจากต่างประเทศแล้ว อย่างไรก็ตามคนทั่วไปยังไม่ต้องกังวลมาก หากไม่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง คนทั่วไปแทบไม่มีโอกาสติดเลย อย่างช่วง 2-3 เดือนหลังนี้ไม่มีผู้หญิงติดเชื้อเลย มีแต่ผู้ชายที่มีความเสี่ยงทางเรื่องเพศ เพราะจากการสอบสวนโรคพบว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นคนที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
“ฝีดาษวานรเจอในประเทศไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่เดือนก.ค.2565 จนถึง เม.ย.2566 เจอแค่ 20 กว่ารายเอง แต่พอเดือนพ.ค.เจอ 20กว่าราย เดือน มิ.ย.เจอเกือบ50ราย ก.ค.เจอเป็นร้อย ส่วนเดือนนี้ส.ค.คาดว่าก็น่าจะเป็นหลักร้อยรายเหมือนกัน แล้วเข้าไปในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยง คือมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย มีคู่นอนที่ไม่รู้จัก เวลาไปในที่ที่ปิดไฟมิดๆ ให้มีกิจกรรมทางเพศต่อ” นพ.โสภณ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่มีผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศไทย ซึ่งมีรายงานว่าติดเชื้อฝีดาษวานร และมีการติดเชื้อเอชไอวีด้วย แล้วเสียชีวิตเพื่อเชื้อตัวไหน รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า น่าจะเป็นสาเหตุร่วมกัน เพราะผู้เสียชีวิตรายนี้ไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีมาก่อน เลยไม่เคยเข้ารับการตรวจรักษาเอชไอวีเลย เพิ่งมารู้ว่าติดเอชไอวีก็ตอนที่ติดเชื้อฝีดาษวานรแล้ว ดังนั้นภูมิคุ้มกันเลยต่ำมาก เพราะปกติคนติดเชื้อเอชไอวีหากไม่ได้รับการรักษา เม็ดเลือดขาว ซีดี4 จะน้อย ซึ่งรายที่เสียชีวิตนี้พบว่า มีระดับซีดี4เหลือแค่16 เท่านั้น อีกทั้งยังมีโรคซิฟิลิสด้วย พอติดเชื้อฝีดาษวานรเลยทำให้เกิดเชื้อรา ติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ
เมื่อถามต่อว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรขณะนี้ ซึ่งมีจำนวนมากที่พบว่ามีการติดเชื้อเอชไอวีอยู่ก่อนแล้ว กลุ่มนี้ได้รับการรักษาเอชไอวีอยู่แล้วหรือไม่ กรณีที่มีการรักษาอยู่ก่อน หากรับเชื้อฝีดาษวานรจะทำให้โรคฝีดาษวานรแสดเป็นอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้ว และรับยาอยู่ แต่มีบางส่วนที่อาจจะไม่รู้ตัวว่าติดเอชไอวีมาก่อน ทำให้โรคฝีดาษวานร และการติดเชื้อเอชไอวีรุนแรงขึ้นจนเสียชีวิตเหมือนรายที่เสียชีวิตรายแรก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาเอชไอวี พอติดเชื้อฝีดาษวานร ภูมิคุ้มกันต่ำก็จะทำให้ติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ ได้ ทั้งนี้กรณีที่ติดเชื้อเอชไอวี แล้วอยู่ในกระบวนการรักษา ได้รับยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ จะไม่มีความผิดปกติอะไรที่แตกต่างจากคนที่ไม่ได้ติดเชื้อ คือภูมิคุ้มกันใกล้เคียงปกติ
เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วงในกลุ่มเสี่ยงที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ส่วนคนทั่วไปที่ไม่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงไม่น่าห่วงนัก โดยพื้นที่ที่มีการติดเชื้อค่อนข้างมากคือ กรุงเทพ ปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเยอะ ดังนั้นขอให้ลดพฤติกรรมเสี่ยง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เชื้อกำลังเพิ่ม ถ้าเราสามารถลดพฤติกรรมเสี่ยงก็จะทำให้ปลอดภัย หากไปมีความเสี่ยงมาแล้ว ก็ให้ตรวจสอบตัวเองว่า มีผื่น หรือตุ่มบริเวณที่สัมผัสหรือไม่ ทั้งอวัยวะเพศ ปาก หน้าท้อง แผ่นอก ถ้าลุกลามเป็นตุ่มหนองมากขึ้น บางคนมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีต่อมน้ำเหลืองโต ให้ไปตรวจรักษาที่รพ.สวมหน้ากากอนามัย เว้นการสัมผัสกับผู้อื่น ส่วนคนที่ไม่เป็นก็ขอให้ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคได้สรุปสถานการณ์เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2566 มีรายงานผู้ป่วยรวม 189 รายในไทย โดยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วยจำนวน 82 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ล่าสุด จากเอกสารการกรมควบคุมโรค รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -15 ส.ค. 2566 มีผู้ป่วย 217 ราย เป็นชาวต่างชาติ 30 ราย คนไทย 187ราย อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 20-64ปี ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1ราย อายุ 34 ปี มีการติดเชื้อเอชไอวีไม่ได้รับการรักษา ทั้งนี้มีรายงานการติดเชื้อใน19จังหวัด โดยมี 3จังหวัดที่อยู่ในระดับสีแดงคือกรุงเทพฯ 136 ราย นนทบุรี 14 ราย ชลบุรี9 ราย สีส้มมี 3จังหวัดคือ สมุทรปราการ 9 ราย ภูเก็ต 8 ราย ปทุมธานี 7 ราย ส่วนสีเหลืองมี 13 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ลพบุรี มหาสารคาม ขอนแก่น พะเยา จังหวัดละ 2 ราย นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี นครนายก เชียงราย อยุธยา จังหวัดละ 1 ราย และระยอง 3 รา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี