“One Map” หรือ “โครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000” เป็นการบูรณาการหน่วยงานของรัฐทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขข้อพิพาทซึ่งมีการโต้แย้งกันว่าประชาชนบุกรุกพื้นที่ในความรับผิดชอบของรัฐ หรือพื้นที่บริเวณนั้นเป็นที่อยู่อาศัย-ที่ดินทำกินของประชาชนมาแต่เดิม โดยปัญหาอย่างหนึ่งที่พบคือแต่ละหน่วยงานใช้แผนที่มาตราส่วนแตกต่างกัน จึงทำให้การกำหนดเขตพื้นที่มีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันระหว่างหน่วยงาน
รัฐบาลไทยในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมีดำริให้แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย อำนวยการ และกำกับดูแลการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 แบบดิจิทัล เพื่อให้หน่วยงานรัฐทั้งหมดยึดถือเป็นแนวทางเดียวกัน โดยมีการตรวจสอบทั้งภาพถ่ายทางอากาศและการลงพื้นที่ภาคสนาม
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มีภารกิจด้านการจัดการที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดย ส.ป.ก.นั้นเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เข้าร่วมการปรับปรุงแผนที่ตามโครงการ One Map เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน ว่าที่ทำกินนั้นจะไม่ทับซ้อนกับพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานอื่นและกลายเป็นคดีความข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับรัฐอย่างในอดีตที่ผ่านมา
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ “การจัดที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน” ซึ่งอยู่ในความดูแลของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ อันเป็น 2 หน่วยงานภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่ทับซ้อนในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานกับ ส.ป.ก.มี 3 โครงการ คือ 1.โครงการป่าวังน้ำเขียว แปลงที่ 1 จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 476 แปลง เนื้อที่ 7,079.84 ไร่ (คำนวณจาก Shape File)
2.โครงการป่าวังน้ำเขียวแปลงที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา กับ จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 387 แปลง เนื้อที่ 3,558 ไร่ และ 3.โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคงในพื้นที่ (พมพ.) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 มีนาคม 2525 โครงการป่า คจก. จำนวน 3,415 แปลง เนื้อที่ 24,128.40 ไร่ ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบแนวทาการแก้ไขปัญหาแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) นำเสนอ
โดยให้ใช้เส้นปรับปรุงการสำรวจแนวเขต ปี พ.ศ.2543 พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดปราจีนบุรี และเห็นชอบการดำเนินงานในพื้นที่ที่กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก.ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนอยู่อาศัยทำกิน และขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ยืนยันหลักหมุดแนวเขต พ.ศ.2543 ให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 เดือน และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ ดังนี้ 1.ดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ในการตรวจสอบเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยใช้เส้นสำรวจเมื่อปี พ.ศ.2543 ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และตรวจสอบข้อมูลพื้นที่บริเวณจุดที่ไม่ชัดเจนและสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชนหรือ Buffer Zone ตามแผนปฏิบัติการลงพื้นที่ของ สคทช.และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับ 2.ชุดปฏิบัติการกรมอุทยานฯ ส.ป.ก.และ สคทช.ตรวจสอบข้อมูลจากภาคสนาม (Field Survey) เพื่อส่งข้อมูลให้กรมแผนที่ทหารตรวจสอบและจัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงแนวที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐก่อนนำเสนอเข้าคณะอนุกรรมการการรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ส.ป.ก.’กับแนวทางจัดการที่ดิน‘One Map’ หลังรับมอบพื้นที่จากกรมอุทยานฯ-กรมป่าไม้)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี