"กระทรวงมหาดไทย"รับรางวัล"สำเภา-นาวาทอง"ประจำปี 2566 ในฐานะ"สุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย" พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนากระบวนงานสู่หน่วยงานภาครัฐดิจิทัลด้วยความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย เพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน
วันนี้ (13 ก.ย.66) เวลา 10.00 น.ที่หอประชุมชั้น 7 อาคาร 23 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ารับโล่รางวัล ประกาศเกียรติคุณ "สำเภา - นาวาทอง" ประจำปี 2566 ประเภทหน่วยงานระดับกระทรวง จาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา โดยมี นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการและประธานคณะทำงานจัดงานมอบรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี 2566 คุณอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการหอการค้าไทย คณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภาคธุรกิจ และภาคสื่อสารมวลชน ร่วมในงาน โดยส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัลประเภทหน่วยงานระดับกรม 2 หน่วยงาน คือ กรมที่ดิน และกรมการพัฒนาชุมชน และรางวัลประเภทหน่วยงานระดับภูมิภาค 1 หน่วยงาน คือ จังหวัดนครสวรรค์ โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวสันต์ สุภาภา รองอธิบดีกรมที่ดิน และนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมเข้ารับรางวัลในครั้งนี้ด้วย
โอกาสนี้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้รับรางวัล โดยกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล "สำเภา - นาวาทอง" ประจำปี 2566" ซึ่งเป็นรางวัลที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะเป็นรางวัลที่มอบให้กับหน่วยงานที่มี “จิตวิญญาณของการบริการ (Service mind)” และเป็นรางวัลที่คัดเลือกจากผู้รับบริการโดยตรงที่จะประเมินว่าองค์กรเหมาะสมกับกับรางวัลนี้ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยเรามีต้นแบบของผู้นำที่มีจิตวิญญาณในด้านบริการอยู่แล้ว คือ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ผู้ทรงเป็นต้นแบบของผู้มีจิตสาธารณะ ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ถือเป็นการริเริ่มการบริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จในการอำนวยความสะดวกให้เหล่าข้าราชการมาทำงานจุดเดียวกัน จนเกิดเป็นศูนย์ศึกษาพัฒนาที่พัฒนาทั้งข้าราชการและประชาชน จึงเป็นแบบอย่างที่ภาครัฐควรนำไปปรับใช้ นำไปบูรณาการ นำเอาหน่วยบริการของรัฐที่อยู่กระจัดกระจายทุกหนแห่งมาอยู่ร่วมกันในจุดเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการของพี่น้องประชาชนได้
"ตลอดชีวิตการรับราชการ ผมมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบราชการอยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ เราต้องพัฒนาระบบราชการและงานบริการ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ อาทิ การเก็บค่าบริการต่าง ๆ เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานบริการหรือด้านงบประมาณให้ลดลง อีกประการหนึ่งคือพวกเราเป็นข้าราชการตลอดชีวิต แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วแต่ยังเป็นข้าราชการบำนาญที่ยังรับเงินเดือน ดังนั้น เราจึงยังมีหน้าที่ที่ต้องทำงานต่อไป เป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรภาครัฐ ทำให้ประชาชนและคนรอบข้างได้มีศรัทธาในราชการ โดยใช้ธรรมาภิบาลนำทาง หากทุกคนมีความเชื่อมั่นเชื่อใจในราชการ งานใด ๆ ที่ภาครัฐทำก็จะราบรื่นและบรรลุเป้าหมายได้" ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กล่าว
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “พื้นฐานของมนุษย์คือความดี ไม่ใช่ปริญญา” เพราะความดี เปรียบเสมือนเสาเข็มของตึกอาคาร แม้จะไม่สวยงามและมองไม่เห็น เสาเข็มเหล่านั้นจะเป็นฐานรากที่แข็งแรง ทำให้อาคารคงอยู่ได้อย่างมั่นคง ดังนั้น หากเราจะทำอะไรที่เราทำด้วยความดีเป็นสิ่งนำทาง ก็จะเป็นพื้นฐานที่แข็งแรงที่สุด ที่จะทำให้เราบรรลุไปสู่ความสำเร็จได้แน่นอน และหวังว่าหน่วยงานที่ได้รับรางวัลสำเภา-นาวาทองในวันนี้ จะนำเอาสิ่งที่เป็นความดีที่ทำในหน่วยงาน ไปถ่ายทอดสู่หน่วยงานอื่น ๆ ทำให้พัฒนาและยกระดับองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยมีหลักธรรมาภิบาล ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่จะส่งผลดีต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของชาวมหาดไทย ในการทุ่มเทขับเคลื่อนการทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “ประชาชนมีรากฐานการดำรงชีวิตและพัฒนาสู่อนาคตได้อย่างมั่นคงและสมดุลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาภูมิภาค พัฒนาเมือง ให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน การบูรณาการการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การลดอุปสรรคการทำธุรกิจของภาคเอกชน การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กร การสร้างความโปร่งใสในการบริหารงาน และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ผ่านกลไก “คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.)” รวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในพื้นที่ในการจัดทำแผนงาน/โครงการของจังหวัด กลุ่มจังหวัด ผ่านกลไกคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (กบก.)
"กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการปรับตัวสู่ภาครัฐดิจิทัลของหน่วยงาน เพื่อการพัฒนาในงานบริการขององค์กรภาครัฐ โดยนำนวัตกรรมที่สามารถยกระดับการดำเนินงานในการอำนวยความสะดวกของพี่น้องประชาชนในการติดต่อราชการ ไม่ว่าจะเป็นด้านงานทะเบียน ระบบยืนยันตัวตนผ่านระบบดิจิทัล สิทธิในที่ดิน เรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ผ่านศูนย์ดำรงธรรมอัจฉริยะ การบริการชุมชน รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าใช้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับหลักการเป็นองค์กรภาครัฐแนวใหม่ที่เปิดกว้าง มีเครื่องมือที่ทันสมัย (Government E-Services) โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบสนองอย่างสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย” นายสุทธิพงษ์ ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การได้รับเกียรติรับรางวัล "สำเภา-นาวาทอง” เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันของกระทรวงมหาดไทย แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานองคาพยพของกระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งมั่นในการแสวงหาความร่วมมือด้วยการบูรณาการภาคีเครือข่ายเพื่อเสริมสร้างคุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งการดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล ทำให้เกิดการลดภาระค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและประชาชน ทำให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการการทำงานและการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริหารตลอดจนบุคลากรทุกคนได้มุ่งมั่นตั้งใจ ร่วมมือร่วมใจกันเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อพัฒนาและยกระดับทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ทันสมัย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบภาครัฐดิจิทัลในอนาคต โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชน และประเทศชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องดังพันธกิจการทำงาน คือ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และทำให้ประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโดยถ้วนหน้าอย่างยั่งยืน"
ด้าน นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. บรรยายพิเศษ เรื่อง "Digital Disruption : ทิศทางการปรับตัวของภาครัฐกับการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชน" โดยมีใจความสำคัญว่า “รางวัลสำเภา-นาวาทอง” เป็นรางวัลที่มีคุณค่าและเป็นเกียรติอย่างมากต่อหน่วยงานภาครัฐ เพราะเป็นรางวัลที่ลูกค้าหรือคนภายนอกเห็นคุณค่าของหน่วยงานของท่านและมอบรางวัลให้เป็นขวัญและกำลังใจต่อหน่วยงาน ซึ่งการจัดงานในวันนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้สังคมได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยของหน่วยงานภาครัฐ และได้รับฟังแนวทางการทำงานที่เป็นประโยชน์ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนเป็นสำคัญ เพราะระบบราชการจะต้องตอบสนองตอบความต้องการของประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพราะดิจิทัลช่วยให้เราบริการประชาชนอย่างมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึทำให้เกิดการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน อันจะเป็นทางลัดนำไปสู่ Eco System to Good Governance
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและขอแสดงความชื่นชมหน่วยงานที่ได้รับรางวัล "สำเภา-นาวาทอง" ประจำปี พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเป็น 1) หน่วยงานระดับกระทรวง 6 หน่วยงาน 2) หน่วยงานระดับกรม 16 หน่วยงาน และ 3) รางวัลหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนงานดำเนินงาน 5 หน่วยงาน และ 4) รางวัลหน่วยงานระดับภูมิภาค 13 หน่วยงาน รวม 40 หน่วยงาน ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการมอบรางวัลครั้งที่ 2 ซึ่งขยายไปสู่ระดับภูมิภาค เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล นับเป็นความภาคภูมิใจของผู้ที่ได้รับรางวัลและให้เกียรติกับ หอการค้าและสภาหอการค้าไทย ในโอกาสที่หอการค้าไทยครบ 90 ปีในปีนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี