‘เพิ่มพูน’มอบนโยบาย‘ผอ.สพท.’ทั่วประเทศ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง‘เรียนดี มีความสุข’ พร้อมช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เบาขึ้น
19 กันยายน 2566 ที่ศูนย์ประชุม NICE สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวมอบนโยบายในการประชุมผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ รวมถึงเปิดงาน 2 ทศวรรษ “สานต่อพื้นฐานการศึกษา พัฒนาอนาคตเด็กไทย” โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้การต้อนรับ และผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วม ได้แก่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการกพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 245 เขตทั่วประเทศ และผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาในพื้นที่ รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน เข้าร่วมในพิธี
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ตนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาพบกับผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกคนในวันนี้ หลังจากที่ได้พบและพูดคุยผ่านระบบออนไลน์ ในการมอบนโยบาย เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สื่อสารนโยบายของศธ.แก่ทุกคนอีกครั้ง ซึ่งถือว่าทุกคนเป็นผู้นำทางการศึกษาในพื้นที่ และถือเป็นโซ่ข้อกลางที่สำคัญ ในการเชื่อมต่อนโยบายสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เกิดคุณภาพทางการศึกษา สู่สถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีเป้าหมายสำคัญสูงสุด คือ ตัวผู้เรียน ในการทำอย่างไรให้ "เรียนดี มีความสุข"
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ศธ.จึงกำหนดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใน 3 ด้าน ได้แก่
1. ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (1 นักเรียน 1 Tablet)
2. มุ่งเน้นเรื่องโรงเรียนคุณภาพ ตั้งเป้าที่ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ โดยทำให้โรงเรียนมีคุณภาพเท่าเทียมกัน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับเด็กในชนบทได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับเด็กในเมือง
3. ระบบแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต ทำอย่างไรให้เด็กนักเรียนรู้จักตนเอง ในที่นี้หมายถึง รู้จักความถนัดและความสามารถของตน เพื่อจะนำไปสู่การเลือกเรียนในสาขาวิชาต่าง ๆ อย่างเหมาะสม นำพาไปสู่การมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวในอนาคต ส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่อาจจะไม่มีความถนัดทางด้านวิชาการ แต่มีความสามารถและความถนัดทางด้านวิชาชีพ คหกรรม โดยส่งเสริม สนับสนุน ให้สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพได้ด้วยตนเอง โดยมีครูผู้สอนเป็นโค้ชแนะแนวทาง พร้อมกับการสร้างเครือข่ายในชุมชนและท้องถิ่น เพื่อแสวงหาพื้นที่ในการประกอบอาชีพหรือหารายได้ระหว่างเรียนให้กับผู้เรียน
“ผมอยากเน้นย้ำนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ทั้งความสุขของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้ปกครองและชุมชน และไม่ใช่แค่ความสุขในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสุขในอนาคต ดังนั้นขอฝากผู้บริหารทุกระดับให้นำนโยบายไปคิดว่า ในภาระหน้าที่ของตนเองจะร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างไร ทั้งนี้ ในการทำงาน ผมเสมอว่า เมื่อมาเป็นเสมา 1 แล้ว จะต้องไม่เพิ่มภาระให้ใคร แต่จะต้องเข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เบาขึ้น ผมและทีมงานจะไม่มาสร้างภาระให้ทุกคน อย่างแน่นอน ทั้งนี้จากการดูกิจกรรมภายในงาน พบว่าปัจจัยความสำเร็จ คือต้องมีหัวใจ ที่จะทำงาน ซึ่งอยากให้ทุกคนไปขับเคลื่อนให้ครูและนักเรียน มีหัวใจที่จะทำงานสอนและเด็กรักที่จะเรียน “ พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า รมว.ศธ. ได้เยี่ยมชม นิทรรศการสรุปผลงาน 20 ปีของ สพฐ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเดิมที่ สพฐ.ทำเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย โอกาสทางการศึกษา รวมถึงเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพ ใน 4 ด้าน ซึ่งรัฐมนตรีให้ความชื่นชม และได้ขอให้สพฐ.ไปจัดทำสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะได้วิเคราะห์และเผยแพร่ให้คนเห็นได้ง่าย นอกจากนี้ รมว.ศธ. ยังย้ำนโยบายลดภาระครู นักเรียนและผู้ปกครอง และตอนท้ายรมว.ศธ. ยังย้ำว่า สิ่งสำคัญ คือ กระบวนการที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ โดยได้ยกประเด็นของ อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เน้นในเรื่องของ เหตุ โดยให้ดูว่าเกิดจากอะไร เมื่อรู้สาเหตุแล้วจะมีวิธีแก้อย่างไร ซึ่งจะต้องเรียบง่ายและประหยัด โดยยกตัวอย่างเรื่องความปลอดภัย อาจไม่จำเป็นต้องติดกล้องวงจรปิด แค่รณรงค์ให้เด็ก ไม่เดินคนเดียว ไปไหนมาไหนไปกับเพื่อน ก็จะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เป็นต้น
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี