กองปราบฯชุดคลี่คลายคดี'กำนันนก'ยืนยันไม่ได้รื้อคดีใหม่ แต่สั่งตรวจสอบพฤติการณ์ตำรวจในที่เกิดเหตุใหม่เป็นรายบุคคลว่าเป็นอย่างไร ได้ทำหน้าที่ของตร.สมบูรณ์หรือไม่ คาดสัปดาห์หน้ามีความชัดเจนแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 พร้อมชงเรื่องย้ายก๊วนตำรวจสมุนกำนันนกขังเรือนจำกรุงเทพฯป้องกันการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพล
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีกำนันนก ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ สว.กก.2 บก.ทล. ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก
พ.ต.อ.วิวัฒน์ ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี กล่าวว่า การรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรคภาค 7 ของกองปราบปรามไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำต่อเนื่อง โดยจะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง ส่วนกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุทั้ง 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้ได้เพียงถึงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเพียงเวลา 10 นาฬิกา แต่ยืนยันว่า ตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนรายชื่อตำรวจทั้ง 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น ในส่วนนี้ต้องขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และ นำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดก่อน ซึ่งคาดว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในงานเลี้ยงที่จะถูกดำเนินคดีอาจจะมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีจากการให้การช่วยเหลือกำนันนกไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่การรื้อคดีใหม่ แต่จะเพิ่มเติมรายละเอียด และสืบสวนในส่วนที่มีข้อสงสัยให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างไล่เรียงพฤติการณ์ของตำรวจในที่เกิดเหตุเป็นรายบุคคลว่าเป็นอย่างไร ได้ทำหน้าที่ของตำรวจสมบูรณ์หรือไม่ ส่วนวันนี้ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมนั้นอาจเป็นการตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคบางส่วน ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการกับผู้ใดเพิ่มเติม
“นอกจากนั้นคณะทำงานจะทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์”
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวอีกด้วยว่า ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อตรวจสอบว่าขัดแย้งกับคำให้การเดิมหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที คาดภายในสัปดาห์หน้านี้
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี