ฝากขังสาวโหด
เมียคนที่2ของ‘ไอ้เอ็ม’
คดีอำพรางฆ่าโบกปูนลูก
เจ้าตัวขอโทษอย่าซ้ำเติม
‘กัน จอมพลัง’จัดทำพิธี
ส่งดวงวิญญาณเด็กน้อย
ตำรวจนำตัว น.ส.เจษฎา เมียคนที่ 2 “เอ็ม-ส่องศักดิ์” พ่อโหดส่งฝากขังศาลอาญาหลังร่วมกับสามีนำศพ “ลูกชาย” ที่ถูกทำร้ายเสียชีวิตทิ้งอำพรางหลายจุดใน กทม. ขณะที่ “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วยผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้า ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเด็กที่เสียชีวิตไปสู่สุคติ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ถนนพหลโยธิน กม.25 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วยพระมหาหัน ปิยวัณโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้า ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณลูกๆ ของนายส่องศักดิ์
และนางสาวเจษฎา พ่อแม่โหดที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายลูกอายุ ก่อนนำร่างใส่ถุงดำมาทิ้งไว้ริมถนนพหลโยธิน ใกล้ปากซอยพหลโยธิน 56 เมื่อปี 2559 และ 2561 และดวงวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตอีก 3 คน จากบริเวณอื่นๆ เพื่อเชิญดวงวิญญาณไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยได้นำโลงศพจำนวน 5 โลง เพื่อเป็นตัวแทนเชิญดวงวิญญาณเด็กผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจโลงที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อสวดส่งดวงวิญญาณทั้ง 5 ดวงไปสู่สุขคติ ในเวลา 14.00 น.
สำหรับการทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้ปูผ้าขาว ตั้งน้ำ ดอกไม้ ธูปเทียน และนำโรงศพจำนวน 5 โลง ที่ติดชื่อของเด็กที่เสียชีวิต มาตั้งทำพิธีอยู่ด้านข้าง จากนั้นมีการจุดธูปไหว้ต่อเจ้าที่เพื่อให้เปิดทาง และสวดเชิญวิญญาณ ก่อนจะเคลื่อนย้ายโรงทั้งหมดไปทำพิธีทางศาสนาต่อที่ วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหารบางเขน
โดยกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ตนเองเชื่อว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่จะส่งน้องไปสวรรค์ หลังต้องถูกทิ้งอยู่ข้างถนนเป็นเวลานานหลายปี โดยไม่มีใครนำไปประกอบพิธีทางศาสนาอย่างถูกต้อง มนุษย์คนหนึ่งสิ่งที่ควรจะได้ในวันสุดท้ายของชีวิตคือการได้รับการประกอบพิธีทางศาสนาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ถูกทิ้งถูกขว้าง วันนี้จึงขอเชิญทุกคนร่วมส่งน้องไปสวรรค์ด้วยกัน ส่วนคนที่กระทำไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือคุณพ่อของน้อง ตนเองเชื่อว่าจะได้รับผลของการกระทำอย่างถึงที่สุด ซึ่งทางตำรวจก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทุกคนแล้ว เป็นข้อหาหนักทั้งสิ้น ตนเองจึงถือว่าได้ทวงความเป็นธรรมให้กับน้องๆแล้ว
ส่วนหลังจากนี้หากตำรวจบอกว่าสามารถรับร่างของน้องที่ถูกเก็บไว้ที่สถาบันนิติเวช 3 ร่างออกมาได้ และไม่มีญาติคนใดจะทำพิธีให้ ตนเองจะจัดการออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างและส่งน้องให้ถึงที่สุด
ส่วนน้อง 4 ขวบที่มีอาการปากแหว่งเพดานโหว่ ที่ตนเองได้เข้าไปช่วยเหลือออกมาได้ก่อนหน้านี้ ตนเองก็ได้ประสานแพทย์เพื่อเตรียมจะรักษาอาการดังกล่าวของน้องแล้ว และตนเองจะเป็นผู้ออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด
วันเดียวกันที่ สน.บางเขน . ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ได้คุมตัว น.ส.เจษฎา อายุ 33 ปี ภรรยาคนที่ 2 ของนายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ส่งแสง น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาร่วมกันกับนายส่องศักดิ์ สามี ทำร้ายร่างกายลูกชาย 2 คน เสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งในท้องที่ สน.บางซื่อ เมื่อปี 2556 และ ปี 2557 ออกจากห้องควบคุมตัวบน สน. ไปสอบสวนที่ห้องสืบสวน ใช้เวลา 30 นาที ก่อนเดินกลับมาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยท่าทีของ น.ส.เจษฎาดูผ่อนคลายมากขึ้น มีการยกมือไหว้ขอบคุณชุดสืบสวนที่เดินมาส่ง
จากนั้นเวลา 09.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้คุมตัว น.ส.เจษฎา ออกจากห้องควบคุม สน.บางเขน ขึ้นรถคุมขังของ สน.บางเขน เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา โดยสื่อมวลชนพยายามสอบถาม น.ส.เจษฎา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อยากมีอะไรจะพูดถึง หรือขอโทษสังคมอย่างไร แต่ น.ส.เจษฎา ก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูด ยกมือไหว้ แล้วบอกว่า “อย่ามาซ้ำเติมกันเลย” จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว น.ส.เจษฎา ไปฝากขังที่ศาลอาญาทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ สน.บางเขน คณะทำงานคดีนายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี รวมถึงหารือแนวทางการสืบสวนแสวงหาพยานหลักฐาน หลังจากผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่ขุดพบบริเวณริมถนนพหลโยธิน ใกล้ซอยพหลโยธิน 56 ตามคำกล่าวอ้างของ น.ส.เจษฎา พบว่า ไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากนี้จะเป็นการแสวงหาข้อมูลจากสถานพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบหาประวัติศพไร้ญาติ แต่เบื้องต้นได้ตรวจสอบจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โรงพยาบาลภูมิพล ในห้วงปีที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบข้อมูลดีเอ็นเอที่ตรงกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลจากรถเก็บขยะอีกทางหนึ่ง ซึ่งรถที่เก็บขยะในย่านดังกล่าวจะเก็บไปรวมไว้ที่ท่าแร้ง จากนั้นจะส่งต่อไปยังกำแพงแสน พร้อมฝากถึงประชาชนที่อาจจะพบเห็นเหตุการณ์หรือพบเห็นข่าวสารในการพบศพไร้ญาติในช่วงปี 2559 และปี 2561 ขอให้เข้าประสานข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ในทางการสืบสวนคดี
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า อีก 2 ศพ อยู่ระหว่างการติดตามหาหลักฐาน แต่สำหรับ 2 ศพที่เกิดขึ้นในบางซื่อ มีความชัดเจนในเรื่องของดีเอ็นเอแล้ว ในวันจันทร์หน้า (25 ก.ย.) จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายส่องศักดิ์ เพิ่มเติมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5 ข้อหา เช่นเดียวกับที่แจ้งต่อ น.ส.เจษฎา ผู้เป็นภรรยาและแม่ของเด็กที่เสียชีวิต ประกอบด้วย ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ลอบฝัง ซ่อนเร้นย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตายผู้ใด เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด และร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี ส่วนคดีค้ามนุษย์ พนักงานสอบสวนได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว เบื้องต้นตัวเด็กยังไม่พร้อมจะพูดคุย
โดยในระหว่างนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อม ทั้งการสอบปากคำพยานไปจนถึงหลักฐานที่ได้จากสถานพยาบาลที่เด็กคลอด และยืนยันได้แล้วว่า เด็กเกิดมาในสภาพร่างกายปกติ จึงน่าเชื่อได้ว่า การที่เด็กมีสภาพร่างกายผิดปกตินั้นจากการทำร้าย โดยจะเข้าไปสอบปากคำนางสุนัน เพิ่มเติมถึงประเด็นนี้ด้วย
แต่ในการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ จากพฤติการณ์นำภาพของเด็กมาโพสต์หาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ ขณะนี้มีผู้เข้าข่ายร่วมกระทำความผิด 2 คน คือ นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ซึ่งจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ส่วนในคดีที่นายส่องศักดิ์ร่วมกระทำความผิดกับ น.ส.สุนัน กรณีทำร้ายลูกจนเสียชีวิตและย้ายศพไปโบกปูนที่ จ.กำแพงเพชร ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยเบื้องต้นว่าการสอบปากคำพยานแวดล้อมพบมูลเหตุจูงใจที่นายทรงศักดิ์มักจะก่อเหตุกับลูกผู้ชายแล้ว โดยนายทรงศักดิ์ไม่ชอบเด็กผู้ชายและไม่สามารถทนต่อเสียงดังได้ เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องจะโมโหร้ายและทำร้ายร่างกายลูก ส่วนลูกสาวที่มีกับนางสาวสุนัน และนายส่องศักดิ์ลงมือทำร้ายจนเสียชีวิตนั้น จากข้อมูลคือลูกสาวมีใบหน้าคล้ายผู้ชาย
ขณะที่ข้อมูลจากคำให้การของผู้เป็นพ่อให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน นายส่องศักดิ์เคยบังคับให้น้องสาวดื่มยาพิษ เมื่อน้องสาวขัดคืนก็ใช้มีดจี้บังคับ พอผู้พ่อเข้าห้ามปราม นายส่องศักดิ์ก็ทำร้ายด้วยการต่อยตี จึงตัดขาดสายสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่ภรรยาคนแรกให้ข้อมูลว่า นายส่องศักดิ์ใช้มีดจี้บังคับให้ไปจดทะเบียนสมรส ซึ่งหลังจดทะเบียนสมรสสำเร็จก็หย่าขาดจากกันและไม่ติดต่ออีกเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี