วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“เมล็ดงาม้อน (Perilla seed)” ในแวดวงอาหาร ปัจจุบันนิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของ“ซูเปอร์ฟู้ด (Superfood)” เพื่อสุขภาพที่หลากหลายจุดเด่นที่ทำให้ผู้บริโภคยกนิ้วให้ ได้แก่ สารสำคัญซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ช่วยบำรุงสมอง และต้านอนุมูลอิสระ ล่าสุดถือเป็น “ครั้งแรกในประเทศไทย” จาก “งานวิจัยคุณภาพ” ได้ทำให้เมล็ดงาม้อน “เพิ่มค่า” ทั้งในด้านการแพทย์ และการเกษตร จากการค้นพบฤทธิ์ต้านอักเสบก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่
รศ.ดร.เอกราช เกตวัลห์ รองผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการ “ทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์น้ำมันสกัดจากเมล็ดงาม้อนในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เกิดลำไส้อักเสบในหนูทดลอง” ด้วยทุนสนับสนุนจาก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ภายใต้โครงการ การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา RAINS for Thailand Food Valley ภาคกลาง โดยมหาวิทยาลัยมหิดล : เกษตรกรรมไทยเพื่อความมั่นคงด้านโภชนาการและสุขภาพ
รศ.ดร.เอกราช เล่าที่มาของงานวิจัยว่า เกิดจากการตระหนักถึงสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำให้ประชากรไทยและทั่วโลกเสียชีวิตในอันดับต้นๆ สาเหตุสำคัญเกิดจากท้องผูกเรื้อรังทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้จนเกิดการเปลี่ยนสภาพส่งผลให้แบคทีเรียที่เกาะติดผนังลำไส้ขาดสมดุล เกิดเนื้องอกจนกลายเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดงาม้อนสกัดด้วยกรรมวิธีสกัดเย็นจากโครงการวิจัย ได้นำไปสู่การค้นพบครั้งแรกในห้องปฏิบัติการที่ว่า น้ำมันสกัดจากเมล็ดงาม้อนมีฤทธิ์ “ต้านอนุมูลอิสระ” จากสารสำคัญต่างๆ
เช่น โทโคเฟอรอล (Tocopherol)โพลีฟีนอล (Polyphenol) และยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา” (Omega) ถึง 3 ชนิดได้แก่ 3, 6, 9 ในสัดส่วนที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Omega 3 ที่มีสูงที่สุดในแหล่งที่มาจากพืช ซึ่งเมื่อนำมาทดสอบกับหนูทดลองที่ได้รับการเหนี่ยวนำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่พบว่าสามารถลดการอักเสบ “ปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังลำไส้ ป้องกันการเกิดก้อนเนื้องอก ในลำไส้ใหญ่ ก่อนลุกลามกลายเป็นมะเร็ง
นอกจากประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว ยังส่งผลดีต่อภาคเกษตรของชาติ เนื่องจากงาม้อนมากด้วยคุณประโยชน์ จึงอาจทำให้เกิดความยั่งยืนด้วยการพัฒนาสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศได้ต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งปลูกงาม้อนได้ผลดี คาดว่าในอีกประมาณ 1-2 ปีข้างหน้า จะได้ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภท “น้ำมันแคปซูล” และอาหารประเภทอื่นๆ ที่ตอบโจทย์คนใส่ใจเรื่องสุขภาพ
“วิธีบริโภคงาม้อนอย่างไรให้ได้ประโยชน์ หากอยู่ในรูปของเมล็ดจะมีโปรตีนและแร่ธาตุเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย สามารถบริโภคเพื่อสุขภาพประมาณ 3-5 ช้อนโต๊ะต่อวัน แต่หากอยู่ในรูปของน้ำมันควรรับประทานประมาณ 2-3ช้อนโต๊ะต่อวัน เป็นปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับปริมาณมากเกินไป เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของไขมันและพลังงานเช่นเดียวกับน้ำมันชนิดอื่นๆ” รศ.ดร.เอกราช กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี