วันที่ 29 ก.ย.66 จากกรณีรถกู้ชีพเทศบาลนครนนทบุรี เร่งเดินทางเพื่อไปรับผู้ป่วยวิกฤติ ย่านงามวงศ์วาน แต่ระหว่างทางได้มีชายคนหนึ่งขับรถ จยย.ปาดหน้าและกีดขวางเส้นทางรถกู้ชีพทำให้รถกู้ชีพไปรับผู้ป่วยวิกฤติอายุ 70 ปีไม่ทันจนเสียชีวิต 

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่สำนักงานเทศบาลนครนนทบุรี ศูนย์แยกสนามบินน้ำ เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายนิพนธ์ คงโพธิ์ทอง อายุ 41 ปีคนขับรถกู้ชีพ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายนเวลาประมาณ 13.00 น.ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่า มีผู้ป่วยลื่นล้มหมดสติในซอยงามวงศ์วาน 12 เมื่อได้คุยกับญาติสอบถามอาการยังมีชีพจรหายใจหรือไม่ ญาติบอกว่าไม่มีชีพจรแล้วได้แนะนำให้ทำ CPR เพื่อรอเจ้าหน้าที่ระหว่างเดินทางไปใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ปัญหาคือช่วงเส้นงามวงศ์วานก่อนที่จะเบี่ยงออกซ้ายได้พูดออกไมค์ว่าขอเข้าซ้ายหน่อยครับ จังหวะเข้าซ้ายได้มีชายขับรถจักรยานยนต์ขี่แทรกขึ้นมาแซง แล้วขี่คร่อมเล่นตรงเส้นปะแบ่งช่องการจราจร จึงบีบแตรค้างให้เขาหลบแต่เขาก็ไม่หลบ จึงใช้เสียงไซเรนช่วยเตือนอีกครั้ง ทั้งบีบแตรทั้งเสียงไฟสัญญาณเขาก็ไม่หลบ ไม่ทราบว่าใส่หูฟังอยู่หรือเปล่าพอช่วงใกล้จะถึงยูเทิร์นแยกพงษ์เพชร เขาเบี่ยงซ้ายให้แล้วชำเลืองมอง ก่อนที่ตนจะยูเทิร์นเข้าไปในที่เกิดเหตุ

นายนิพนธ์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบผู้ป่วยเป็นหญิงอายุประมาณ 70-80 ปี ทีมกู้ชีพจึงเข้าไปตรวจชีพจรของผู้ป่วยพบว่าเสียชีวิตแล้ว ตนเชื่อว่าถ้าหากวันนั้นไม่มีรถจักรยานยนต์มาขับขวางทาง ก็อาจจะช่วยผู้ป่วยรายนี้เอาไว้ได้ เสี้ยววินาทีถ้าได้รับการรักษาทันเวลาก็อาจจะกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง ถึงแม้อาจจะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนทางญาติผู้เสียชีวิตยังไม่ได้คุยเรื่องที่มีรถจักรยานยนต์ขับขวางทาง เพราะลูกสาวผู้เสียชีวิตยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ 

"อยากจะฝากไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน หากเจอรถกู้ชีพควรจะหลบซ้ายหรือหลบขวาให้รถกู้ชีพด้วย เพราะทุกชีวิตมีค่าไปช้าแค่นิดเดียวก็อาจจะเกิดอันตรายกับชีวิตของผู้ป่วยได้"