จับแล้ว‘ไอ้หื่น’ข่มขืนเซลล์สาว หลังหมดแรงหนีลงเขา ถูกชาวบ้านช่วยจับกุมไว้โดยไม่ขัดขืน สารภาพตั้งใจซื้อรถจริง แต่ก่อเหตุไปได้อย่างไรไม่รู้ เสียใจอยากขอโทษเหยื่อ

ความคืบหน้ากรณีนายชัยยศ อายุ 48 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.สงขลา ก่อเหตุข่มขืน น.ส.แดง (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เซลล์ขายรถ โดยหลอกให้มาเซ็นสัญญาซื้อขายที่บ้านภายในสวนยางพารา ซอยสวนป่า หมู่ 3 ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง สบโอกาสใช้มีดจี้บังคับขืนใจ ก่อนจะหลบหนีขึ้นเขา ตำรวจระดมกำลังกว่า 50 นาย พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ตามล่ากว่า 24 ชั่วโมง ยังไม่พบตัว

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2566 พ.ต.อ.ชวลิต สุธรรมมาจารย์ ผกก.สภ.สำนักทอง นำกำลังไปบริเวณหมู่ 5 ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง หลังได้รับแจ้งว่าชาวบ้านได้ควบคุมตัวนายชัยยศ ได้แล้ว โดยมีชาวบ้านควบคุมตัวอยู่ จึงนำกำลังไปควบคุมตัวตามที่รับแจ้งทันที

เมื่อไปถึงจุดรับแจ้ง พบกลุ่มชาวบ้านกำลังยืนออกันอยู่บนถนน เข้าไปตรวจสอบพบชาวบ้านกำลังควบคุมตัวนายชัยยศ ที่นั่งอยู่บนถนน สภาพหมดเรี่ยวแรง ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.สำนักทอง ทันที

นายชัยยศ รับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง แต่ทำลงไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ เสียใจและขอโทษผู้ถูกกระทำ ส่วนเรื่องการติดต่อซื้อรถ เป็นการต้องการซื้อจริง แต่เป็นรถจักรยานยนต์ (จยย.) ไม่ใช่รถยนต์กระบะ ส่วนการหลบหนีได้หนีขึ้นไปบนเขา และยอมรับว่าหลังจากที่หลบหนีได้ขโมยโทรศัพท์คนกรีดยางไป 2 เครื่อง แล้วพยายามหาอาหารประทังชีวิต จนกระทั่งช่วงเช้าทนหนาวทนหิวไม่ไหว ประกอบกับหมดเรี่ยวแรง จึงเดินลงมาในหมู่บ้านเพื่อหาอาหารกิน จนกระทั่งมาถูกจับไว้ได้

ต่อมาเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชวลิต สุธรรมมาจารย์ ผกก.สภ.สำนักทอง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัวนายชัยยศ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มที่จุดแรกบริเวณ ซอยสวนป่า ริมถนนเป็นป่ารกครึ้ม ตำรวจควบคุมตัวนายชัยยศ ลงมา ท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงดู ต่างก็ด่าทอและโล่งใจที่ตำรวจจับตัวได้แล้ว

ตำรวจนำตัวนายชัยยศไปที่บ้านในสวนยาง จุดที่หลอกเซลล์สาวมาเซ็นสัญญา ก่อนที่ใช้มีดจี้ตัวไปข่มขืนอยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร ซึ่งอยู่ริมถนนเป็นป่ารกริมหนองน้ำ ใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที แล้วพาตัวผู้ต้องหาไปทำแผนที่บริเวณหน้าวัดธรรมสถิตย์ จุดที่เจอกันจุดแรก หลังจากนั้นพาไปในสวนยางพาราห่างจากจุดแรกประมาณ 3 กิโลเมตร (กม.) อยู่ภายในสวนยางพารา ที่คนร้ายขโมยมือถือคนกรีดยางไป 2 เครื่อง ซึ่งอยู่ริมเขาในสวนยางพารา

หลังจากนั้นก็ควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.สำนักทอง ระยอง เบื้องต้นได้ตั้งข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถชัดขืนได้ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพฯ , พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ก่อนจะควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ต่างดีใจและโล่งใจ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้แล้ว เพราะต่างก็กลัวจนไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตตามปกติ เพราะกลัวจะเจอคนร้าย พร้อมสาปแช่งในการกระทำที่ป่าเถื่อน ต้องการลงโทษให้เด็ดขาด

ส่วน พ.ต.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตำรวจได้ระดมกำลังกดดันปิดล้อมพื้นที่ไว้ทั้งหมด จึงทำให้คนร้ายหมดทางหนีและไม่มีอาหารกิน จึงทำให้ต้องเดินออกมาในหมู่บ้านจนกระทั่งจับกุมตัวไว้ได้

ด้านนายสังวาลย์ ชาญขุนทด อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นคนจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่เชิงเขาว่าได้พบบุคคลคล้ายกับคนร้าย กำลังเดินลงมาในสวนยาง จึงพร้อมด้วยบุตรชาย เดินทางไปตรวจสอบ ได้พบกับนายชัยยศ ที่ยืนอิดโรยอยู่ริมถนน จึงเข้าไปควบคุมตัว โดยที่ไม่มีท่าทีขัดขืน ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาควบคุมตัวไปดำเนินคดี.........-005