สั่งไล่ออก 3 จนท.
ปลอมลายมือชื่อ
กู้สหกรณ์ตำรวจ
เสียหาย 220 ล้าน
สำนวนคดีทุจริตสวมสิทธิ์ กู้เงินสหกรณ์ตร.ลำพูน ส่งถึงมืออัยการแล้ว สั่งไล่ออก3 เจ้าหน้าที่ ร่วมกันกระทำความผิด เสียหายกว่า 220 ล้านบาท พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องทุกข์กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เกี่ยวกับการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด ว่าถูก เจ้าหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร-ลายเซ็น ของข้าราชการตำรวจกว่า 423 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 220ล้านบาทนั้น
เมื่อวันที่ 3ตุลาคม กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังตรวจพบการทุจริตในสหกรณ์ดังกล่าว เมื่อช่วงเดือนมกราคม2566ที่ผ่านมา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สั่งการไปยังสหกรณ์จังหวัดลำพูน ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน โดยได้แต่งตั้งคณะผู้ตรวจการสหกรณ์ประจำจังหวัดลำพูน เป็นการเฉพาะกิจ เพื่อดำเนินการตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน จนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องแล้วเสร็จ โดยปัจจุบันได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พบว่ามีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จำนวน 3ราย (ฝ่ายสินเชื่อ 2รายและฝ่ายการเงิน1ราย) ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารการกู้เงินและเปลี่ยนแปลงข้อมูลการโอนเงินเข้าบัญชีหลังการอนุมัติเงินกู้ โดยเปลี่ยนจากการโอนเงินเข้าบัญชีสมาชิกผู้กู้ เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีผู้กระทำความผิดทั้ง 3ราย อย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยสหกรณ์ได้ลงโทษผู้กระทำความผิด ด้วยโทษไล่ออกโดยไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ พร้อมทั้งดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่กลุ่มผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด และสรุปสำนวนฯ นำส่งอัยการจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม2566 แต่เนื่องจากอัยการเห็นว่า การทุจริตกระทำมาต่อเนื่องยาวนาน มีความผิดต่างกรรมต่างวาระ และมีค่าเสียหายจำนวนมาก จึงพิจารณาส่งสำนวนคืนให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยให้รวมความผิดทุกกรรมและความเสียหายทั้งหมด เพื่อให้เกิดผลดีต่อรูปคดีก่อนจะสรุปสำนวนเสนออีกครั้ง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ระดับสูงที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลย หรือช่วยเหลือผู้ทุจริตปกปิดข้อมูลการทุจริต จนนำไปสู่เหตุการณ์ทุจริตของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ สร้างความเสียหายให้แก่สหกรณ์เป็นเงินจำนวนมาก ทางสหกรณ์จึงมีคำสั่ง “ไล่ออกและไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ” ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนร่วมในการทุจริตร่วมกับผู้กระทำความผิด ก็จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ฯ โดยคณะทำงานได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สิน ที่อาจได้จากการกระทำผิดของผู้ต้องหา ประกอบด้วย เงินสด 11ล้านบาท กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ รถยนต์และทรัพย์สินต่าง ๆจำนวนหลายรายการ โดยจัดให้ประมูลทรัพย์สิน ครั้งที่ 1 (กระเป๋าแบรนด์เนม) จำนวน 111 รายการ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ได้เงินจากการประมูลทั้งสิ้น 4,459,000บาท และจะมีการประมูลทรัพย์สินที่เหลือ (เครื่องประดับและรถยนต์) เพื่อนำเงินมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้จัดประชุมสมาชิกสหกรณ์เพื่อชี้แจงถึงปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น พร้อมวางกรอบระยะเวลาดำเนินการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการดำเนินการ ตลอดจนตอบข้อซักถามและข้อเรียกร้องของสมาชิก เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย โดยในส่วนของการดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิก สหกรณ์ได้พิจารณาจัดทำโครงการพิเศษเพื่อช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิก ด้วยวิธีการงดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกสัญญาเป็นระยะเวลา 2เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม2566-30พฤศจิกายน 2566 มูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับสมาชิกที่ถูกกระทำในลักษณะเอาชื่อไปกู้ โดยเพิ่มยอดเงินกู้ให้สูงขึ้น สหกรณ์จะปรับลดให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี