วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 03.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้าน ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายสมบูรณ์ แซ่ว่าง อายุ 33 ปี แรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอล หนึ่งในแรงงานไทยชุดแรกที่กลับมาโดยการช่วยเหลือจากภาครัฐของประเทศไทย
ที่หน้าบ้าน นางทิพประภา แซ่ว่าง อายุ 68 ปี มารดาของนายสมบูรณ์ ได้ตื่นมาแต่งตัวรอ หลังเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดน่าน โทรศัพท์แจ้งว่าเดินทางมาถึงอำเภอปัวแล้ว
โดยแม่ทิพประภา เผยว่านอนไม่หลับมา 5 วันแล้ว วันนี้ได้นอนหลับเป็นวันแรกหลังลูกชายถึงสนามบินแล้วโทรมาบอก หลังแต่งตัวเสร็จก็นำเก้าอี้มานั่งรออยู่บริเวณหน้าบ้าน ผุดลุกผุดนั่งเดินไปชะเง้อมองถนนหน้าบ้าน
จนเวลา 03.40 น. รถตู้ของสำนักงานจัดหางานจังหวัดน่าน ที่ออกเดินทางไปรับนายสมบูรณ์จากกรมการจัดหางานขับเข้ามาในซอย แม่ทิพประภาได้กึ่งวิ่งกึ่งเดิน ออกไปรับลูกที่กำลังลงจากรถ นายสมบูรณ์ ได้ ไหว้แม่แล้วก้มกราบเท้าพร้อมเข้าสวมกอดกันร้องไห้เป็นน้ำตาแห่งความปิติ จากนั้นได้พากันเข้าไปในบ้าน โดยแม่ทิพประภา ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดและทุกท่านที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือ นำลูกชายกลับมาจากประเทศอิสราเอล
นางทิพประภา แซ่ว่าง กล่าวว่า ขอบคุณประเทศอิสราเอลและประเทศไทย ทำดีที่สุดเลยได้ช่วยให้ลูกชายของแม่กลับมา แม่ดีใจมาก แม่อยากพูดอะไรหลายๆ อย่างมันอยู่ในใจ มันเยอะจนพูดไม่ออก
ด้าน นายสมบูรณ์ แซ่ว่าง เล่าเปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนได้ไปทำงานที่จุดดังกล่าว ตนเองได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 7 เดือน ซึ่งเมื่อไปถึงนายจ้างก็ส่งไปทำงานดูแลระบบน้ำที่แคมป์คนงานที่จะอยู่ห่างจากฉนวนกาซ่า ประมาณ 2 - 3 กิโลเมตร อยู่ติดกับค่ายทหารประมาณ 10 เมตร
โดยเหตุการณ์ที่ตนเองรอดชีวิตกลับมาได้ เป็นความโชคดีที่แคมป์คนงานของตนเอง อยู่ในพื้นที่กันดาร ไม่มีไฟและมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนน้อย ประกอบกับอยู่ติดกับค่ายทหาร ซึ่งตนเองไปอยู่รวมกับคนไทยทั้งหมด 11 คน แต่รอดชีวิตกลับออกมาแค่ 5 คน ก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 วัน นายจ้างได้เข้ามาแจ้งว่าอาจจะมีการโจมตีกันอีกระหว่างกลุ่มฮามาสกับประเทศอิสราเอล ตนก็คิดว่าคงเป็นการโจมกันเหมือนปกติทุกครั้งคือกลุ่มฮามาสยิงจรวดมาและประเทศอิสราเอลก็ใช้ไอออนโดรนสกัดเหมือนทุกครั้ง แต่เหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากมียิงจรวดทีเดียวหลายร้อยนัดจนทำให้ไอออนโดนนไม่สามารถสกัดได้ทัน จู่ๆไฟก็ดับสัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดสัญญาณ จากนั้นก็มีทั้งเสียงปืนเสีงระเบิดดังขึ้นทุกทิศทุกทาง มีการโจมตีทั้งจากทางอากาศและภาคพื้น
นายจ้างจึงแจ้งให้ทุกคนให้เข้าไปหลบในห้องนิรภัย ตนเองกับคนงานอีก 4 คน เข้าไปหลบอยู่ในห้องติดกัน ซึ่งตนเองอยู่ในห้องกับคนไทยอีกหนึ่งคน อีกสามคนแยกไปอยู่อีกห้อง ส่วนคนไทยอีก 6 คนที่เสียชีวิตหลบไปอยู่ห้องนิรภัยที่หลังห้องของตนเอง ข้างกอไผ่ซึ่งเหตุการณ์ในคืนนั้น เท่าที่ได้ยิน ในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มตามเวลาในประเทศอิสราเอล ได้ยินเสียงปืนจากกลุ่มฮามาส ได้ยิงถล่มมาที่ห้องนิรภัยที่คนไทยซ่อนตัวอยู่ กระทั่งผ่านไปประมาณ 30 นาที ก็ได้ยินเสียงเท้าของกลุ่มฮามาส เข้ามาใกล้ห้องนิรภัย ซึ่งเท่าที่ได้ยิน พวกเขาพยายามที่จะดึงหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง
เนื่องจากหลังได้ยินเสียงประตูเปิด ตนเองได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกชุด พอเสียงปืนเงียบ กลุ่มฮามาส ก็ได้เดินกลับมาพยายามเปิดประตูห้องตนเองอีกครั้ง ซึ่งจังหวะนั้นในใจคิดว่ายังไงก็จะไม่เปิดประตูออกไป กระทั่งตนเองได้ยินเสียงรถถังเข้ามาใกล้แคมป์คนงาน แล้วก็ได้ยินเสียงปืนถล่มเข้ามาหน้าประตูห้อง ซึ่งตนเองเข้าใจว่า ทหารของอิสราเอล ยิงใส่กลุ่มฮามาส เพื่อสกัดไว้ไม่ให้กลุ่มฮามาส พังประตูเข้ามาจับตนเอง
จากนั้นเมื่อสิ้นเสียงปืน และเวลาล่วงเลยไปถึงตี 1 ตนเองก็ได้ยินเสียงท้าวเข้ามาที่หน้าห้องอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง แต่ไม่ยิงเข้ามา ตนเองจึงเอียงหูไปฟังว่าใครมาเคาะประตู ซึ่งปรากฎว่า เสียงที่คุยกันอยู่หน้าประตู เป็นภาษาอิสราเอล ตนเองจึงตัดสินใจเป็นประตูออกไป ทำให้ทหารอิสราเอล ช่วยออกมาได้ ซึ่งก่อนที่ตนเองจะเดินไปขึ้นรถถังของทหารอิสราเอล / ทางทหารได้บอกให้ไปเรียกคนไทยมาขึ้นรถ แต่ปรากฎว่าเมื่อตนเองเดินไปเรียก มีคนไทยห้องข้างๆรอดชีวิตอยู่ในห้องแค่ 2 คน ส่วนอีก 6 คน ถูกยิงเสียงชีวิตอยู่ในห้องนิรภัย ทั้งนี้ประตูนิรภัยเป็นประตูที่ไม่สามารถล็อกจากด้านในได้ จากนั้นทางครอบครัวได้ขอเวลาเป็นการส่วนตัวเพื่อพักผ่อน จากนั้นแม่ทิพประภาได้พาลูกชายไปนอนพักอยู่ห้องเดิม
โดยในวันนี้แม่ทิพประภาจะทำต้มข่าไก่ของโปรดของลูกชายให้ลูกชายกินเป็นอาหารมื้อแรก และเวลาประมาณ 13.00 น. จะมีพิธีสู่ขวัญโดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเข้าร่วมงานอีด้วย สำหรับวันนี้จะมีแรงงานไทยชุดที่ 2 เดือนทางกลับมาอีก 12 คน โดย 2 คนเป็นชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดน่าน เป็น 2 พี่น้องกัน โดยคนพี่ได้รับบาดเจ็บที่ขา โดยเครื่องบินจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี