กทม.รุกมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 ปลายฝนต้นหนาว ลดผลกระทบสุขภาพคนกรุง เตรียมหน้ากากอนามัย 1.3 ล้านชิ้น แจกกลุ่มเปราะบางธ.ค.นี้ เปิดคลินิกมลพิษอากาศรพ.กทม./พบแพทย์ Telemedicine/แอป “หมอ กทม. พร้อมดูแล

นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงพร้อมแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของ กทม. เพื่อรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) ได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของ กทม.ปี 2567 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงปลายฤดูฝนและจะเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งความกดอากาศมีแนวโน้มสูงขึ้น อากาศไม่ถ่ายเท และอาจทำให้มีปริมาณฝุ่นละอองสะสมในอากาศเพิ่มขึ้น โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แถลงข่าวแผนปฏิบัติการฯ รับมือฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2567 ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2566 มาตรการตามแผนปฏิบัติการฯ ปี 2567 ประกอบด้วย การเฝ้าระวัง แจ้งเตือนฝุ่น การควบคุมแหล่งกำเนิด และการป้องกันดูแลสุขภาพประชาชน รวมทั้งการวางแผนล้างทำความสะอาด ดูดฝุ่นถนน และฉีดล้างใบไม้ต้นไม้ เพิ่มความถี่การแจ้งเตือนค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

กทม. ได้เน้นย้ำช่องทางการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อวางแผนการทำงาน และการทำกิจกรรม หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานและมีแนวโน้มเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ลดระยะเวลา หรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้งพร้อมรายงานข้อมูลและให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เว็บไซต์ www.airbkk.com, www.pr-bangkok.com เฟซบุ๊ก : กรุงเทพมหานคร,กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สสล. กทม. และแอปพลิเคชั่น : AirBKK รวมถึงจอแสดงผลบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จอแสดงผลแบบเคลื่อนที่ และจอแสดงผลอัจฉริยะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การแจ้งเตือนค่าฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ บน LINE ALERT ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษแจ้งเบาะแส ผ่านระบบ Traffy Fondue เพื่อ กทม.ดำเนินการ

นอกจากนี้ ด้านการดูแลสุขภาพประชาชน สำนักอนามัย (สนอ.) ได้เตรียมพร้อมจัดหาหน้ากากอนามัย จำนวน 1,300,000 ชิ้น แจกจ่ายประชาชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯโดยจะส่งผ่านสำนักงานเขตนำไปให้ประชาชน เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูงขึ้นระหว่างเดือน ธ.ค. 2566-เม.ย. 2567 คาดว่าจะสามารถแจกจ่ายได้ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.2566 พร้อมทั้งบูรณาการร่วมกับสำนักงานเขตและหน่วยงานเกี่ยวข้องต่อเนื่องในมาตรการควบคุมมลพิษอากาศจากแหล่งกำเนิดโดยร่วมกันตรวจสถานประกอบกิจการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง เช่น วัด ควบคุมให้คำแนะนำในการเผาศพให้ถูกวิธี จำนวน 308 แห่ง, ตรวจสุขลักษณะสถานประกอบกิจการเชิงรุก, ตรวจสอบระบบบำบัดมลพิษอากาศ เน้นกิจการที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5สูง จำนวน 1,121 แห่ง เช่น กิจการผสมซีเมนต์(แพลนท์ปูน) กิจการหลอมโลหะ หรือที่มีการใช้หม้อไอน้ำ ที่พบข้อบกพร่องแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไข และตรวจติดตาม กวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศ PM2.5 ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ด้านสำนักการแพทย์ (สนพ.) ได้ดำเนินการเชิงรุกร่วมกับภาคีเครือข่าย ให้ความรู้ ข้อแนะนำประชาชน เน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง มีการรายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง เพื่อปฏิบัติการออกช่วยเหลือผู้ป่วยหากพบค่าฝุ่นถึงระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจะเปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่น PM2.5 เกิน 75 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรโดยโรงพยาบาลสังกัด กทม. เปิดคลินิกมลพิษทางอากาศได้แก่ รพ.กลาง รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร รพ.ราชพิพัฒน์ และรพ.สิรินธร เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนบริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่น PM2.5

ทั้งนี้ ได้เตรียมพร้อมทั้ง 12 รพ.ในสังกัดแจกหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการป้องกันดูแลสุขภาพในช่วงฝุ่นหนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง หรือลดระยะเวลาออกนอกอาคารให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องออกนอกอาคาร ให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่นและสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรือมีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่นๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ผ่าน Telemedicine แอปพลิเคชั่น “หมอ กทม.” เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร.สายด่วนสุขภาพ สนพ. 1646 ให้บริการตลอด 24 ชม.