จนท.กองการยางลุยตรวจยางพาราบริษัทดังชายแดนกาญจน์ ป้องกันนำยางนอกเข้ามา ส่วนตัวแทนผู้ประกอบการเตรียมยื่นหนังสือถึง รมว.เกษตรฯ 29 ต.ค.นี้
วันนี้ (26 ต.ค.66) นายเพิก เลิศวังพง คณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการบริหารจัดการยางพารา โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "แนะนำให้สารภาพ หลักฐานครบมาก ทั้งต้นทางปลายทางหน่วยงานต่างๆ จะเสริมเข้าไป รัฐมนตรีเกษตรให้เกียรติ จะลงพื้นที่เองด้วยครับงานนี้"
จากการตรวจสอบที่มาของข้อความในเฟสบุ๊กพบว่าเมื่อวันที่ 24 ต.ค.66 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กองการยาง จากส่วนกลาง นำโดยนายวีระชัย ชุณหสุวรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการกองการยาง กรมวิชาการการเกษตร พร้อมทีมงาน ได้ทำการตรวจสอบรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน สีขาว ทะเบียนตัวแม่เพชรบุรี ตัวลูกเพชรบุรี ที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ขณะขับมาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี มุ่งหน้าตัวจังหวัดกาญจนบุรี มีนายกมล เป็นคนขับ
จากการตรวจสอบพบว่ารถพ่วงคันดังกล่าวบรรทุกยางพารามาเต็มคันรถน้ำหนักรวม 29 ตัน โดยคนขับไม่สามารถนำเอกสารสำคัญประเภทการซื้อขายมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการอายัดเอาไว้ตรวจสอบที่มาของยางพาราทั้งหมด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นยางพาราที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งคนขับรถพ่วงให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าของบริษัทการยางแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีให้ให้นำยางพาราทั้งหมดไปส่งที่ อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช
ขณะที่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กองการยางได้เดินทางไปตรวจสอบยางพาราที่มีอยู่ภายในบริษัทดังกล่าว โดยมีเจ้าของบริษัทฯรอต้อนรับและชี้แจงและมีตัวแทนประชาชนผู้ปลูกยาพาราในอำเภอสังขละบุรี อยู่ด้วย
เจ้าของบริษัทฯกล่าวว่าได้รับซื้อยางจากเกษตรกรแล้วไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้จึงเกิดปัญหาความเดือดร้อนมากเพราะไม่มีทุนหมุนเวียนมากพอ ยางที่ถูกอายัดมีประมาณ 300 ตันและยังมียางแผ่นอีกจำนวนหนึ่ง มีทั้งยางเก่าที่ตกค้างบางส่วนช่วงนี้จะต้องเร่งระบายสินค้าออกไป เพราะอยู่ในช่วงการผลิตอยู่และคิดว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้น่าจะเป็นการโดนกลั่นแกล้งและขอฝากไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ฝากให้ท่านช่วยดูแลเกษตรกรสวนยางพาราและผู้ประกอบการยางพาราชาวอำเภอสังขละบุรีด้วย
ด้านผู้ประสานงานและตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา กล่าวว่า วันที่ 24 ต.ค.ตนได้รับการประสานจากกลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อยางพาราที่ถูกจับกุมที่บริเวณด่านอำเภอทองผาภูมิ เมื่อได้รับการประสานตนจึงมาช่วยเหลือและตรวจสอบว่าการตรวจอายัดยางพาราทั้งหมดว่าเป็นเช่นไรมีความถูกต้องหรือไม่ ระหว่างตรวจสอบก็ได้รับแจ้งจากทางกลุ่มรับซื้อยางอีกว่า เวลานี้ได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่งเข้าไปตรวจสอบในโรงงานในอำเภอสังขละบุรี โดยมีการอายัดยางพาราเอาไว้ทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบแจ้งกับเจ้าของบริษัทฯว่าสืบเนื่องจากมีการตรวจยึดรถบรรทุกที่ด่านอำเภอทองผาภูมิ จึงได้มีการมาตรวจสอบที่โรงงานต้นทาง ซึ่งผู้ประกอบการต้องการความชัดเจนว่าการเข้ามาตรวจอายัดนั้นมีอะไรหรือไม่
หลังจากได้รับแจ้งตนจึงประสานไปทางนายอำเภอสังขละบุรี ช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นสักขีพยานในการตรวจสอบด้วย การตรวจสอบครั้งนี้ตนคาดว่าน่าจะเป็นการมาสร้างการรับรู้ขั้นตอนของการรับซื้อหรือขายยางพารา ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ
ต้องยอมรับว่าอำเภอสังขละบุรี มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานราชการจึงต้องออกมาเข้มงวด เพราะเกรงว่าอาจจะมีการลักลอบนำยางพาราจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายหมาย แล้วมาทำลายราคายางพาราในประเทศได้
"การที่เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่าวิถีชาวบ้านกับกลไกจะต้องปฏิบัติแบบใด ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แล้วหลังจากนี้ตนเองจะทำหนังสือทั้งหมดยื่นไปยัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะเดินทางลงมาตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในวันที่ 29 ต.ค.นี้ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอำเภอสังขละบุรี และนายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 ด้วย" ผู้ประสานงานและตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี