ผู้ประกอบการรับซื้อยางพาราชายแดนไทย-พม่าด้านกาญจนบุรีเข้าพบผู้ว่าฯกาญจน์ขอความเป็นธรรมหลังเจ้าหน้าที่กรมการยาง กรมวิชาการการเกษตรเข้าตรวจสอบยางพร้อมทำการอายัดยางพาราประมาณ 300 ตันไว้ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งอาจจะเป็นยางพาราที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคายางพาราของเกษตรกรทั้งประเทศ ขณะที่ผู้ว่าฯรับปากหากมีโอกาสจะเป็นตัวแทนในการพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯให้
ความคืบหน้ากรณีนายวีระชัย ชุณหสุวรรณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกองการยาง กรมวิชาการการเกษตร พร้อมเจ้าหน้าที่กองการยางฯ จากส่วนกลางทำการอายัดรถพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน สีขาว ทะเบียนตัวแม่เพชรบุรี ตัวลูกเพชรบุรี ที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งรถคันดังกล่าวบรรทุกยางก้อนถ้วยหรือขี้ยางพาราและยางแผ่นน้ำหนัก 29 ตัน มาจากบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สังขละบุรี เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช การตรวจอายัดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 25 ต.ค.เจ้าหน้าที่กองการยาง กรมวิชาการการเกษตร ได้เดินทางไปตรวจสอบยางพาราที่มีอยู่ภายในบริษัทและได้ทำการอายัดยางพาราเอาไว้ประมาณ 300 ตัน สำหรับการอายัดในครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่กองการยางฯได้รับแจ้งว่ายางพาราอาจจะเป็นการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมายทำให้ส่งผลกระทบต่อราคายางพาราของเกษตรกรทั้งประเทศ
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (27 ต.ค.66) นายรพี ชำนาญเรือ ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกยาพาราอำเภอสังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ ได้นำพาผู้ประกอบการรับซื้อยางพาราในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีจำนวน 2 ราย เข้าพบ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการตรวจสอบการตรวจยึดยางพาราจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องแล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อชาวสวนยางพารา และผู้ประกอบการรับซื้อยางพารา นอกจากนี้ ยังยืนหนังสือฉบับเดียวกันให้กับนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี อีก 1 ฉบับด้วย
โดยร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้กล่าวกับนายรพี ชำนาญเรือ และผู้กอบการรับซื้อยางพาราทั้ง 2 รายว่าการตรวจสอบยางของเจ้าหน้าที่ทำให้การเคลื่อนย้ายยางพารานั้นเกิดความล่าช้า ซึ่งทางจังหวัดก็ทราบเรื่องนี้อยู่แล้วเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อทางเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางทราบข่าวหรือได้รับทราบจากแหล่งข่าว เจ้าหน้าที่ต้องมาตรวจพิสูจน์ดูว่ามันเป็นความจริงตามข่าวที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมาหรือไม่ ซึ่งตามระเบียบกฎหมายแล้วจะต้องมีการเปิดเผย ซึ่งถ้าเรามีความบริสุทธิ์และมีหลักฐานเอกสารมาแสดงการได้มาของยางพาราและดำเนินการตามระเบียบของศุลกากรก็สบายใจได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า จากการที่ได้รับรายงานจากนายอำเภอสังขละบุรี และนายอำเภอทองผาภูมิว่า มีการอายัดยางพาราเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการขอตรวจสอบเอกสารการรับซื้อ ทราบว่าผู้ประกอบการรับซื้อมีหลักฐานมาแสดงถูกต้องทั้งหมด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กองการยาง กรมวิชาการการเกษตรจากส่วนกลางได้เข้าไปดูและทำการตรวจสอบในเชิงลึกกว่านี้ว่ายางพาราเหล่านี้นั้นได้มาจากไหน หรือจากสวนไหน
ดังนั้น เชื่อว่าถ้าเราทำตามกฎระเบียบของรัฐบาล และกรมการยางฯ ก็คงไม่มีปัญหาเพราะมันเป็นการค้าการขาย พี่น้องเกษตรกรก็ให้ดำเนินการต่างๆไปตามระเบียบ ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐมีข่าวหรือได้รับแจ้งเข้ามา เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเดินทางมาตรวจและผู้ประกอบการก็ต้องแสดงความบริสุทธิ์ให้เขาตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง ตนเชื่อว่ารัฐบาลโดยท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านจะสนับสนุนในเรื่องของการค้าขาย เพราะท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายและให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องระบบเศรษฐกิจ ถ้าเกิดการค้าขาได้เกษตรกรอย่างพวกเรา รวมทั้งผู้รับจ้างกรีดยางพาราก็จะมีรายได้ไปด้วย
"สำหรับหนังสือร้องเรียนที่นำมายื่นในวันนี้ก็จะรับเรื่องเอาไว้ และในวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค.นี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกำหนดการเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หากมีโอกาสก็จะเป็นตัวแทนในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่มายื่นหนังสือร้องเรียนในวันนี้ให้ท่านรัฐมนตรีทราบถึงปัญหาดังกล่าว" ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี