ทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 4 ‘ญี่ปุ่น-ไต้หวัน’ซุกไทย 2 ปีหลอกเหยื่อสูญเฉียดหมื่นล้าน
8 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 รรท.ผบช.สตม. , พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 รรท.ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร , พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ , พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม. ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมชาวไต้หวัน และญี่ปุ่น ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย หลอกประชาชน มีผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นหลายราย
สำหรับแก๊งดังกล่าวมาตั้งฐานอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร มีพฤติการณ์คือ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ มีคนไต้หวันเป็นหัวหน้าทีมและคนญี่ปุ่นเป็นพนักงาน โดยคนญี่ปุ่นจะอ้างตัวเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อหลอกคนญี่ปุ่น โดยมีการอ้างว่าข้อมูลของเหยื่อนั้นรั่วไหล ต้องโอนเงินมาเก็บไว้ที่ธนาคารเพื่อความปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือให้เหยื่อ หลังจากนั้นจะให้เหยื่อโอนเงินมายังบัญชีม้า โดยมีคนญี่ปุ่นได้รับความเสียหายกว่า 17,500 ราย ความเสียหายมูลค่ากว่า 9,500 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี
ทั้งนี้ ผู้ต้องหา 4 ราย คือ 1.นายเฉิน อายุ 50 ปี สัญชาติไต้หวัน 2.นายเหอ อายุ 40 ปี สัญชาติไต้หวัน 3.นายไดซูเกะ อายุ 49 ปี สัญชาติญี่ปุ่น และ 4.นายทาโร่ อายุ 41 ปีสัญชาติญี่ปุ่น โดยผู้ต้องหารายที่ 1 , 3 และ 4 ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ถูกจับกุมในความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวน สตม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับประสานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันและญี่ปุ่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มหนึ่งใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด บก.สส.สตม.จึงได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติการณ์การกระทำความผิดคือ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีคนไต้หวันทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม และคนญี่ปุ่นทำหน้าที่เป็นพนักงาน โดยพนักงานคนญี่ปุ่นจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อหลอกลวงคนญี่ปุ่น และรับหน้าที่จัดหาคนญี่ปุ่น ซึ่งบินจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย โดยจะให้ส่งข้อความโทรศัพท์ผ่านระบบ VOIP ไปยังผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งฐานอยู่ในหมู่บ้านหรูสองหลังติดกันใน จ.สมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบคนต่างด้าว 3 คน คือ 1.นายเฉิน 2.นายเหอ และ 3.นายไดซูเกะ พร้อมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต จำนวน 5 ใบ และสคริปต์บทสนทนาที่ใช้สำหรับการพูดคุยกับผู้เสียหายและแบบฟอร์มกรอกข้อมูลผู้เสียหายฉบับภาษาจีนและญี่ปุ่น จำนวนหลายชุด
จากการสืบสวนขยายผล พบว่า หัวหน้าของขบวนการดังกล่าวเป็นคนไต้หวัน ซึ่งสั่งการมาจากประเทศไต้หวัน มีนายเหอ เป็นรองหัวหน้า ทำหน้าที่ในการจัดหาบัญชีม้า และควบคุมพนักงานชาวญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่เป็นพนักงาน รวมถึงการประสานงานกับผู้ร่วมขบวนการในการหาคนญี่ปุ่นเข้ามาทำงานเป็นพนักงาน นอกจากนี้ นายเหอ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการไต้หวันจำนวน 2 หมาย ในข้อหานำเข้ายาเสพติดและฉ้อโกง
ส่วนนายเฉิน เป็นรองหัวหน้า ทำหน้าที่ในการควบคุมพนักงานชาวญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่พนักงานในการจัดหาข้อมูลของประชาชนชาวญี่ปุ่น เพื่อส่งให้กับพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการโทรหลอก และนายไดซูเกะ ทำหน้าที่เป็นพนักงานในการพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น และหากหลอกผู้เสียหายได้จะทำการจดบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายลงในแบบฟอร์ม
บก.สส.สตม.ยังได้ขยายผลร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันและเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นที่ประจำประเทศไทย พบว่า ขบวนการดังกล่าวมีคนไต้หวันเป็นหัวหน้าทีม และมีการนำคนชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำหน้าที่เป็นพนักงานแล้วจำนวนหลายราย โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังสืบทราบอีกว่า นายทาโร่ สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดหาคนญี่ปุ่นมาทำคอลเซ็นเตอร์ หลบหนีไปอยู่ที่ จ.กระบี่ จึงสืบสวน จนทราบว่า หลบหนีอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.กระบี่ จากการตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. ทราบว่า นายทาโร่ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2566 คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จึงได้เสนอให้ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายทาโร่
จากนั้นได้พบตัวนายทาโร่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.กระบี่ จึงได้แจ้งให้นายทาโร่ ทราบ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของผู้ต้องหารายอื่นของขบวนการนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศไต้หวันและญี่ปุ่น จะได้ทำการออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาในไต้หวันและประเทศญี่ปุ่นต่อไป //////////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี